ตั้งแต่มีเรื่อง “ยาว อยุธยา” ผิดใจกับ “แจ๊ส ชวนชื่น” จนมาถึง “ชูษี เชิญยิ้ม” ทำเอาวงการตลกสั่นคลอน หลายคนมองวงการนี้มีแต่ชิงดีชิงเด่น เอาผลประโยชน์มานำหน้า ไม่รักไม่สามัคคีกันเหมือนก่อน
วันนี้ “เป็ด เชิญยิ้ม” หรือ “ดร.ธัญญา โพธิ์วิจิตร” อดีตนายกสมาคมตลกแห่งประเทศไทย ได้เปิดใจกับทีมข่าว “ช่อง 2” ก่อนถ่ายรายการ “เปิดโปง” ทาง “ช่อง 2” ว่า อยากให้ตลกกลับมารักกัน เด็กต้องขอโทษผู้ใหญ่ พร้อมเตือนทำอะไรต้องใช้สติ
พักหลังวงการตลกมีแต่เรื่อง ?
“มันก็เป็นธรรมชาติของลิ้นกับฟัน ของคนที่มองต่างมุมกันของคนที่มองไม่ตรงกัน เหรียญยังมี 2 ด้าน มันอยู่ที่เราจะมองด้านบวกหรือด้านลบ บังเอิญข่าวที่ออกมา คนที่จุดประเด็นมันมองด้านลบไม่มองด้านบวกมันเลยทำให้เกิดปัญหา
จริงๆ มันคุยกันเองได้ (หัวเราะ) ทุกวันนี้ทุกอย่างมันอันตราย มันต้องระวังมากยิ่งขึ้น ในโซเชี่ยลมันออกมามีทั้งบวกและลบ มีทั้งดีและไม่ดี มันอยู่ที่เราใช้สติในการบริหารผ่านโซเชี่ยลรึป่าวเท่านั้นเอง
วันนี้ทุกคนอยากแสดงออกผ่านโซเชี่ยล บางมุมเขาแสดงออกในทางที่ไม่ดี ทุกคนเห็นเป็น 2 ทาง มันมีฝ่ายแดงฝ่ายน้ำเงินใช่ไหม ไอ้ฝ่ายแดงมันก็เชียร์แดง น้ำเงินมันก็เชียร์น้ำเงิน มันจะต่อสู้กันอยู่แล้วในตรงนี้ ถ้าเราไม่มีสติมันจะอันตรายมาก”
ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ในวงการ อาช่วยอะไรตรงนี้บ้าง ?
“ก็ไม่ได้ช่วยอะไร ไม่ได้อะไรมาก วันนี้ทุกคนต้องช่วยตัวเองกัน แต่ว่าถ้าใครมาถามเรา เราก็ชี้แนะให้ เราก็บอกไปหลายคนว่ามันสิ่งไม่ดีนะ
วันนี้ในวงการตลกเนี่ยมันไม่เหมือนวงการเพลง ไม่เหมือนวงการต่างๆ เราผูกพันเราอยู่ด้วยกันมานานแสนนาน วันนี้ที่มันทำให้เป็นแบบนี้เพราะสถานบริการมันไม่มี คาเฟ่มันไม่มี
เมื่อก่อนคาเฟ่มันเป็นโซ่คล้องกลางที่รวมพวกตลกให้ได้เจอกันบ่อยๆ วันนี้มันไม่มีโซ่ข้อกลางที่รวมให้ได้เจอกันบ่อยๆ ที่เจอกันทุกวันทุกคืน มันเลยห่างเหินไป ความสัมพันธ์มันก็เลยห่างไป”
ทางด้าน แจ๊ส ยาว ชูษี เข้ามาปรึกษาไหม ?
“ผมก็ได้คุยกับชูษีนะ ว่าภาพตรงนี้เราระวังนะ คำพูดมันจะเป็นนายเรา เราทำอะไรเราก็ต้องคิดซักนิดหนึ่ง บางทีที่เขามอง เราจริงใจจริงนะ
แต่คำพูดเรามันดูแรงคนอื่นก็บอกมันก้าวร้าวไป ฉะนั้นตรงนี้ต้องระวังตัว ต้องดูนิดหนึ่ง สิ่งที่คุณพูดออกไปคุณอาจจะไม่มีเจตนา แต่คนอื่นเขาตีความมันอยู่ที่ตีความฉะนั้นทำอะไรโตกันแล้วมันต้องระวังกัน ชูษีมันเป็นเชิญยิ้ม เหมือนกับน้องเรา เราก็เลยต้องเตือนต้องบอกหน่อยว่ามันไม่ใช่เจอพี่ยาวก็ขอโทษพี่ยาวซะ ก็แค่นั้นเองทุกอย่างก็จบ เราไม่ต้องการอะไร ต้องการแค่ขอโทษพี่ ไม่เป็นไร แค่นั้นก็จบแล้วไม่มีอะไรแล้ว”
แล้วตอนนี้ได้มีการขอโทษกันรึยัง ?
“ผมไม่ทราบ เพราะผมอยู่คนละบ้านกับเขา(หัวเราะ) เขาก็ไม่เคยมาบอกผม เวลาเกิดอะไรต่างๆ นานา แต่เดี๋ยวผมจะคุยในรายการเปิดโปงให้ฟัง ว่าทิศทางมันเป็นอย่างไร ทำไมมันเป็นอย่างนี้
วัฒนธรรมดั้งเดิมของเราตลก อาชีพเรามันเป็นอย่างไร ทำไมวันนี้เป็นอย่างนี้ มันต้องมีเหตุผลในตัวมันเอง ทุกอย่างมันเคลื่อนไปหมดแล้ว ไม่ใช่เฉพาะวงการตลก ทุกวงการนักแสดงก็เหมือนกัน สมัยก่อนไม่ว่าจะเป็นสรพงษ์ สมบัติ หรือว่าใครต่อใคร เราเจอเขาเดินเข้ามากอด เรากราบเขา เราไหว้เขาอย่างมีความสุข
แต่เดี๋ยวนี้ดาราบางคนเราเจอเขายังไม่เห็นหน้าเราเลย มันไม่มอง (ยิ้ม) ทุกวงการมันเคลื่อนเหมือนกันหมด เพราะว่ามันเป็นโลกใบใหม่ แต่เราเนี่ยอยู่ในโลกใบเก่า เด็กในโลกใบใหม่เขาก็จะมองของเขาอีกมุมหนึ่ง ถามว่าเราโกรธเขาไหม เราไมได้โกรธเขา แต่วัฒนธรรมในโลกใบเก่า เรายังยึดมั่นในโลกใบใหม่”
ตลกทุกคนต้องมีมุกเป็นของตัวเอง ?
“ไม่ใช่ จำอวด ตลกคือจำอวด คือจำของเก่าเขามาอวด ครูพักลักจำก็จำของเก่ามาอวดทั้งนั้น ไม่มีลิขสิทธิ์ ไม่มีอะไรทั้งสิ้น ไม่งั้นก็ฟ้องกันตายสิ
ตั้งแต่ป๋าต๊อกตายก็ต้องตื่นมาฟ้อง ตลกรุ่นหลัง รุ่นลูกเอามาเล่นทุกคนต้องนั่งสรรเสิญ เห็นรุ่นน้อง รุ่นลูกเอามุกเรามานำ เอามาเล่นมาต้องภูมิใจได้เห็นเด็กต้องเอาเสียงหัวเราเราไปขยายเสียงหัวเราะต่อ เอามุกของเราไปถ่ายทอดต่อ
เราเป็นผู้ใหญ่ต้องเปิดใจ ต้องกล้าให้ ต้องกล้าแสดงความยินดี ครอบครัวตลกมันครอบครัวอยู่ในบ้าน ครอบครัวเดียวกัน ครอบครัวในบ้านเดียวกัน ฉะนั้นต้องสนับสนุนส่งเสริมกัน”
หวังอยากให้รักกัน ?
“มันคงจะยากแล้วล่ะ ทุกอย่างมันเคลื่อนไปหมดแล้ว แต่ว่าทำให้ดีที่สุด รักษาภาพลักษณ์ขององค์กรให้ดีที่สุดเท่านั้นเอง”