ทุกๆ สถานที่ มักมีเรื่องราวที่มา มีตำนานเล่าขานที่ต่างกันไป โดยเฉพาะสิ่งเร้นลับที่วิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ สวนทางกับพฤติกรรมของกลุ่มวัยรุ่น ที่นับวันเริ่มกล้าที่จะ “ลองของ” ท้าทายสิ่งที่มองไม่เห็นกันมากขึ้น จนกลายเป็นวัฒนธรรมสุดห่ามที่ตามล่าพิสูจน์บ้านร้าง หรือสถานที่ขึ้นชื่อต่างๆ ล่าสุดทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก มีการแชร์ภาพสถานที่ที่กำลังถูกพูดถึงแบบเงียบๆ ใจกลางกรุงเทพ เป็นเสากลางลานจอดรถที่อาร์ซีเอ ซึ่งมีคนนำชุดไทยและน้ำแดงมาถวายจำนวนมาก ผู้สื่อข่าวได้ทำการลงพื้นที่สำรวจ และสอบถามข้อเท็จจริง ที่มาของเสาต้นดังกล่าว
หลังเดินทางมาถึงอาร์ซีเอ ผู้เขียนยังไม่ทราบว่า เสาต้นดังกล่าวอยู่ที่บล็อกใดของที่จอดรถ จึงอาศัยสุ่มเดินจากบล็อกแรกไปเรื่อยๆ ภายในลานจอดปกคลุมไปด้วยความมืดและเงียบสงัด แม้จะเป็นช่วงกลางวันก็ตาม แต่ให้ความรู้สึกวังเวงไม่น้อย จำนวนรถที่จอดแน่นยิ่งทำให้รู้สึกอึดอัดและไม่น่าวางใจ มีเพียงเสียงท่อน้ำและเครื่องจักรที่ทำงานหนักราวกับว่ามีชีวิต
หลังผู้สื่อข่าวเดินผ่านลานจอดรถบล็อกแรกจนทั่ว กลับไม่พบร่องรอยของเสาต้นดังกล่าวแต่อย่างใด ในใจยังเตือนสติตัวเองว่า “เสาต้นดังกล่าวอาจจะไม่อยู่ในบล็อกนี้” แต่อีกความคิดก็แอบวิตกว่า “หรือจะโดนเข้าให้แล้ว” ประมาณว่าตั้งใจเดินหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ แบบนั้นจะยิ่งน่ากลัวกว่าซะอีก แต่สุดท้ายก็ยังทำใจดีสู้เสือ เดินต่อถึงบล็อก E ซึ่งบรรยากาศไม่ต่างกัน เงียบสนิทมาก พอเข้ามาถึงบล็อก E จุดนำสายตาก็ไปอยู่ที่เสาต้นหนึ่ง ที่มีสภาพต่างออกไป ใจที่เคยดีสู้เสือกลับร่วงไปเกือบถึงรองเท้าผ้าใบที่ใส่มา เราเจอเสาต้นที่ตามหาแล้ว
ภาพที่เห็นสร้างความความอึดอัดเป็นอย่างมาก เสาต้นดังกล่าวเป็นเสาปูน แต่ถูกเรียกว่า เสาตกน้ำมัน ถูกมัดด้วยผ้าสามสี มีคนนำ น้ำแดง นม มาถวาย ทุกขวดเป็นของใหม่เหมือนเพิ่งมาถวายเร็วๆ นี้ แต่ที่เป็นจุดพีคที่สุด คือชุดไทยที่เรียงรายอยู่บนราว นับได้ประมาณสิบกว่าชุด พร้อมกับกระจกบานเล็ก ที่ยืนส่องคงไม่เห็น เพราะมันอยู่ในระยะของคนนั่งส่อง… และเครื่องสำอางค์ อุปกรณ์แต่งหน้า ชุดชั้นใน สร้อยคอ เครื่องประดับ พวงมาลัย และน้ำอบ ดูจากสิ่งของแล้วก็พอรู้ว่า เป็นการนำมาถวายให้ “ผู้หญิง”
หลังสำรวจเสาต้นดังกล่าวพอเป็นพิธี ได้รีบเก็บภาพบางส่วนแล้วเดินออกมาอย่างเร่งด่วน เพื่อตามหาคนแถวนั้น และสอบถามความเป็นมา จากนั้นผู้เขียนได้พบกับ รปภ. นายหนึ่งที่ต้องนั่งดูแลพื้นที่บริเวณดังกล่าว ซึ่ง รปภ. รายนี้ได้เล่าให้เราฟังคร่าวๆ ดังนี้
เสาตรงนี้เค้าเรียกกันว่า “เสาตกน้ำมัน” ตัวผมเข้ามาทำงานที่นี่ก็ 6 ปี เมื่อก่อนมีเพียงน้ำแดง 2-3 ขวดเท่านั้น แต่ยังไม่มีชุดไทย ส่วนสิ่งของที่นำมาถวาย เป็นความเชื่อส่วนบุคคล จากกระแสปากต่อปากพูดกันไป ส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยบางคนที่เห็น บางคนเจอเป็นลักษณะเงาดำลางๆ เป็นรูปร่างผู้หญิงผมยาว เดินๆ อยู่แล้วก็หายเข้าเสาไปเลย ส่วนมากที่ รปภ. เจอจะเป็นเวลาไพรม์ไทม์ทุ่ม-สองทุ่ม หรือช่วงตอกบัตรออกงาน 5 โมงเย็น เพราะตอนนี้รถจะทยอยหายไปหมดแล้ว หรือคนที่มาเที่ยวผับกลางคืน มักจะเห็นเป็นผู้หญิง หรือบางคนเมาแล้วมาท้าทายจนเห็นก็มีนะ แต่ที่โดนหนักๆ ถึงขั้นเกิดอุบัติเหตุล้มตายจะไม่มี อันนี้ยังไม่เคยเห็น
“ส่วนตัวผมยังไม่เคยเจอแบบจะจะ แล้วก็ไม่อยากเจอด้วย (หัวเราะ) ช่วงวันพระผมก็เอาดอกไม้ไปกราบไหว้ปกติ บางวันนั่งยิงยาวถึง 4-5 ทุ่มก็ไม่เห็นอะไร (จุดพักรปภ.ใกล้กับเสาตกน้ำมันมาก) แต่ถึงไม่เคยเห็นผมก็ไม่ลบหลู่นะ ก็อยู่ส่วนใครส่วนมัน บางทีผมยังแอบไปขอหวยเลย (หัวเราะ) ส่วนมากเป็น รปภ.ใหม่ๆ นะครับที่โดนกันเยอะ แล้วก็ลาออกไป ต้องถามคนที่อยู่มานานครับ น่าจะรู้เรื่องมากว่านี้ เป็นช่างไฟชื่อ พี่สาธิต อยู่ตรงกระท่อมใกล้ๆ นี้ เลี้ยวซ้ายไปก็ถึง”
หลังสิ้นสุดบทสนทนา ผู้เขียนถูกมอบภารกิจอันท้าทายยิ่งกว่าตามหาเสาตกน้ำมัน แต่เป็นการตามหาผู้กุมความลับของที่มาเสาต้นนี้เอาไว้ ไม่สิ… ต้องบอกว่าเป็นไม่กี่คน ที่รู้เรื่องราวที่ถูกเล่าต่อกันมามากที่สุด เพราะเท่าที่สอบถาม คนย่านนี้แทบไม่รู้ประวัติความเป็นมาของเสาต้นนี้เลย
ผู้เขียนเดินตามหา “พี่สาธิต” ด้วยความอยากรู้ที่เพิ่มมากขึ้น แต่พิกัดที่ว่าใกล้ กลับไกลออกไป ผู้เขียนใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมงก็ยังไม่เจอ ทั้งที่ รปภ. คนเมื่อกี้บอกว่าอยู่ใกล้นิดเดียว ภาพในหัวกลับมาหลอนอีกครั้ง “พี่สาธิตนี่ใครกัน?” “เราโดนหลอกหรือเปล่า?” ทำไมเดินหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ขณะที่ผู้เขียนเกือบจะถอดใจ และคิดว่าคงไม่ได้เจอพี่สาธิตเป็นแน่ สุดท้ายตัดสินใจลองเดินเข้าไปถามคนสวนคนหนึ่งว่า “พี่ช่วยพาผมไปหาพี่สาธิตได้ไหม?” ก่อนที่จะพบว่า กระท่อมของพี่สาธิต ได้ซ่อนอยู่ในสวนที่สุดจะลึกลับ ถ้าไม่ใช่คนท้องที่คงหาไม่เจอแน่นอน
หลังตามหาพี่สาธิตจนเจอ … รูปร่างหน้าตาแกไม่น่ากลัวแบบที่คิดไว้ เหมือนในหนังสยองขวัญสูตรสำเร็จ ที่คนรู้เรื่องราวมักมีคาแรกเตอร์แปลกๆ พี่สาธิตเป็นช่างไฟที่ทำงานมากว่า 19 ปี เป็นพนักงานยุคแรกๆ ก่อนที่จะเล่าความเป็นมาของเสาตกน้ำมันต้นนี้ว่า “มีของ” และ “เสาต้นนี้ไม่เฮี้ยน…เค้ามาให้โชคลาภ แต่ก็มาให้เห็นคนเห็นบ่อยเหมือนกัน”
ส่วนตัวผมเชื่อนะ … แต่ยังไม่เคยเจอ ไม่เคยเห็นมาตลอดการทำงาน 19 ปี คนก็พูดถึงกันปากต่อปาก เราเชื่อโดยไม่ลบหลู่ ที่จอดรถตรงนี้มีมาตั้งแต่โครงการเริ่มแล้วประมาณ 20 กว่าปี พนักงานชุดแรกๆ ก็ออกไปหมดแล้ว เหลือเพียงไม่กี่คน
“ในช่วงที่โครงการทำลังก่อสร้าง มีคนงานมาตั้งแคมป์เก็บของแถวๆ เสาต้นนั้นแหละ จากนั้นก็มีผู้หญิงมาเข้าฝัน บอกว่าที่ตรงนั้นมีผู้หญิงเสียชีวิต ก่อนที่คนงานจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ เค้าก็มาให้โชคคนงานถูกหวยกันหมด จากนั้นคนงานก็นำผ้าสามสีมาผูก มีคนมาบนบานศาลกล่าวกันเรื่อยมา จนเป็นที่มาของเรื่องราวเสาตกมันต้นนี้ คือคนจะรู้จักเสาตกน้ำมันต้นนี้ในเรื่องขอหวย ฝันให้โชคลาภ ไม่ได้มาร้ายแต่อย่างใด เค้าก็ทำกันมาเรื่อยๆ ถึงทุกวันนี้ ช่วงแรกจะมีแค่น้ำแดง ผ้าสามสี หลังๆ พอถูกรางวัลกันเยอะ ก็มีคนนำชุดไทย เครื่องสำอางและสิ่งของอื่นๆ ตามมา”
ส่วนคนที่มาขอหวยก็เป็นคนบริเวณนี้แหละ ไม่ก็ก็ผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจ บริษัทย่านอาร์ซีเอ ทั้งขอหวย ขอโชคลาภ ขอให้ธุรกิจทำมาค้าขึ้น แล้วก็ถูกกันเยอะนะ เค้ามาให้โชคลาภ ไม่เคยมาร้ายหรือทำอันตรายคน คือคนแถวนี้เค้าก็ไม่ได้กลัวกัน ใช้ชีวิตปกติทั่วไป เราต่างคนต่างอยู่ ไม่ไปลบหลู่เค้า และคอยหาอะไรไปไหว้เรื่อยๆ
รปภ. จะเห็นบ่อย มีผู้หญิงหน้าตาสวยใส่ชุดไทยเดินลงมา รปภ. ก็ไม่เอะใจอะไรหรอก เพราะนึกว่าคนใส่มาเที่ยวปกติ แต่ซักพักผู้หญิงคนนั้นก็เดินหายวับเข้าเสาไปเลย พออีกวัน รปภ. คนนั้นลาออกทันที คือ รปภ. บางคนเค้าจะรู้ เวลาทำงานก็หาดอกไม้มาไหว้ แต่คนที่มาใหม่จะไม่รู้ เพราะ รปภ. ที่นี่จะเปลี่ยนไปเรื่อย ช่วงเวลาที่คนเห็นบ่อยคือ หกโมง ทุ่ม-สองทุ่ม ฟ้าสลัวๆ คนเริ่มกลับกันหมดแล้ว ที่จอดตรงเสานั้นจะว่างเลย
ช่วงเวลากลางคืนคนจะไม่กล้าจอด เพราะบรรยากาศมันเงียบมาก สรุปก็คือเสาตกน้ำมันต้นนี้ไม่ได้เฮี้ยน เค้ามาดี และให้โชคกับผู้คนย่านนี้ … แม้จะมีมาให้เราเห็นบ้างก็ตาม คนที่ตั้งใจมาหาไม่เคยเจอนะ มีแต่คนที่เผลอๆ เห็นตลอดเลย
หลังคุยกับพี่สาธิตเสร็จ ผู้เขียนมีโอกาสได้พูดคุยกับคนที่ทำงานอยู่ในย่านอาร์ซีเอมากว่า 6 ปี เป็นโปรดักชั่นเฮ้าส์ที่ต้องทำงานเลิกดึกทุกวัน และขับรถผ่านเสาตกน้ำมันดังกล่าวอยู่บ่อยครั้ง
ตลอด 6 ปี ช่วง มาทำงานใหม่ๆ เคยได้ยินคนขู่เราว่า “เฮ้ย ระวังเสาต้นนั้นนะ” ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร แต่รู้สึกได้ว่ามันต้องน่ากลัวแน่ๆ พอเราได้เห็นของจริง เป็นเสาต้นเก่าๆ มีชุดไทย มีน้ำแดง มันรู้สึกไปเองเลยว่าน่ากลัว ต้องมีอะไรแน่ๆ แต่ไม่รู้หรอกว่ามันเฮี้ยนยังไง มีที่มาที่ไปยังไงบ้าง เราทำงานโปรดักชั่นก็เลิกดึกอยู่แล้ว บรรยากาศจึงเงียบและน่ากลัวมาก จนรู้สึกว่าอยากจะผ่านตรงนี้ไปเร็วๆ แต่ก็ไม่เคยเจอนะ (หัวเราะ) เราก็พยายามถามคนแถวนี้ คนที่ทำงานด้วยกัน ซึ่งไม่มีใครรู้ประวัติความเป็นของเสาต้นนี้มาก่อนเลย บางคนทำงานมาเป็นสิบๆ ปี เค้ารู้แค่ว่ามันมีเสาต้นนี้ รู้ว่ามีคนเอาชุดไทยไปถวาย แต่ไม่มีใครรู้เรื่องที่มา
ตอนกลางคืนบริเวณเสาต้นนั้นไม่มีใครจอดเลย เพราะไฟมันค่อนข้างน้อย และบรรยากาศมันน่ากลัวมาก สี่บล็อกข้างๆ ว่างหมด ขนาดคนที่อยู่คอนโดแถวนั้น ยังไม่ค่อยจะจอดกัน ทั้งที่ตรงนั้นมันใกล้กับบันไดทางขึ้นคอนโดมากกว่า คนจะเลี่ยงกันหมด
ที่รู้มาคือย่านอาร์ซีเอมีเจ้าที่เยอะมาก แม้แต่ออฟฟิศที่ทำอยู่ก็มีเจ้าที่แรง จึงเชื่อว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ได้มีแค่เสาตรงนั้น คิดว่าคนเก่าๆ อาจจะรู้ แต่คนใหม่ๆ น่าจะไม่ เพราะคนแถวนี้หมุนเวียนกันบ่อย คนเข้าออกเยอะตลอด แต่ใครผ่านดูก็น่าจะรู้ว่าเป็นการถวายผู้หญิง และถ้าไม่แน่จริงคงไม่มีใครเอาของมาถวายเยอะขนาดนี้หรอก แล้วของที่นำมาถวายใหม่ตลอด…ลองสังเกตดูได้
และแม้เรื่องราวที่ถูก “บอกต่อกันมา” จะไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริง 100% แต่อย่างน้อยเราก็ทราบว่า ความเชื่อของคนบริเวณนี้เป็นอย่างไร และมีอะไรอยู่บ้าง เพื่อที่จะมีสติในการรับมือ และประพฤติตัวให้ถูกเวลามีโอกาสมา ณ สถานที่แห่งนี้ และขอย้ำว่า ผู้เขียนไม่มีเจตนาลบหลู่สิ่งที่มองไม่เห็น เพียงแต่ต้องการนำเสนอข้อมูลสิ่งที่เกิดขึ้น โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน