คบกันยังไม่นานเท่าไหร่ ก็ถูกฝ่ายชายคุกเข่าขอแต่งงานแล้ว สำหรับ บุ๋ม ปนัดดา ที่เผยว่ายังเร็วเกินไป เพราะคบกันแค่ 3 เดือน ฝ่ายชาย เอก เอกริน ก็ขอแต่งงานแล้ว
ซึ่งงานนี้สาวบุ๋ม ปนัดดา ก็ออกตัวเบรคดังเอี๊อด เนื่องจากมันยังเร็วเกินไป แถมยังไม่พาเข้าที่บ้าน เนื่องจากกลัวว่าฝ่ายชายขอกับคุณพ่อ แล้วคุณพ่อจะอนุญาต ทั้งนี้สาวบุ๋มยังเผยอีกว่า ขอดูกันไปนานๆก่อนดีกว่าถึงแม้ว่าเค้าจะเคลียร์ตัวเองเรื่องแฟนเก่าเรียบร้อยแล้วก็ตาม ต้องใช้เวลาในการศึกษากันให้มากกว่านี้
“ยังไม่ได้พาไปหาคุณพ่อกับคุณแม่ค่ะ แต่ถ้าพ่อแม่ของเขาก็พาไปเจอไปทานข้าว ที่บ้านเขาเองก็น่ารักค่ะน่ารักมากๆ น่ารักทั้งบ้านเลย แต่คุณแม่บุ๋มก็เจอแล้วแต่แว๊บๆ ยังไม่ให้เจอหรอกค่ะกลัวเขาขอแต่งงาน (หัวเราะ) เอาเข้าจริงๆ กลับกลายเป็นว่าตัวเราเองเริ่มเหมือนเจ้าสาวที่กลัวฝน ไม่รู้ทำไมแปลกนะทั้งๆ ที่ผ่านการแต่งงานมาแล้ว แต่พอพูดเรื่องแต่งงานจริงๆ มันขนหัวลุก เขาก็มีเกริ่นๆ บ้าง เร็วไม่เร็วไม่รู้แต่ผู้ชายมาแนวนี้กันเยอะก็เลยรู้สึกว่า จริงไม่จริงไม่รู้ดูที่การกระทำแล้วกันต้องพิสูจน์ตัวเองดีกว่า และตัวบุ๋มเองพอพูดมากๆ เข้าก็กลัว”
“เขาเคลียร์ตัวเองเรียบร้อยแล้วค่ะแล้วก็เอาหลักฐานทุกอย่างให้เราดู และเราก็พอมีเส้นสายพอสมควรอย่ามารู้จักปนัดดาน้อยไปอย่ามาโกหกกัน ถามว่าหลังจากที่เคลียร์เจอปัญหาบ้างไหม มันก็เจอบ้างนะแต่แบบแปลกๆ อ่ะ แบบพยายามเสี้ยมแปลกๆ อะไรก็ไม่รู้ค่ะอย่างเช่นมีการส่งข้อความไปให้เขา วันนี้ผมเจอคุณบุ๋มไปเดินกับติ๊งโน้ต เขาก็มาบอกเรา เราก็บอกจะบ้าเหรอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นใคร ตอนนี้ให้ตำรวจตามอยู่ คือไม่ได้เกี่ยวกับความรักนะคะ แต่เพราะเขามีเจตนาทำความเสียหายให้กับบุ๋มเพราะบุ๋มถือว่าสิ่งเหล่านี้มันไม่แฟร์”
เขาก็ขอกับอันดาว่าจะขอเข้ามาดูแลคุณแม่นะจะเข้ามาปกป้องคุณแม่นะ น้องเขาก็อืม คือเขายังเด็กอ่ะ แต่ก็มีคนไปคุยกับเขานะว่าแม่เธอเปลี่ยนแฟนใหม่เหรอ ซึ่งมันก็แรงนะ คือคุณแม่คุณก็ไม่ควรเอาเรื่องอย่างนี้ไปให้ลูกรู้เปล่าคะ ต่อให้เป็นครอบครัวบุ๋มหรือครอบครัวใครก็ตามคือบุ๋มก็เข้าใจนะว่าบุ๋มเป็นบุคคลสาธารณะแต่เด็กก็ควรจะรู้เรื่องของเด็กก็พอแล้วมั้ง คือไม่ใช่ว่าบุ๋มปิดนะ บุ๋มก็ไม่ได้ปิดบังลูกนะแต่บุ๋มภูมิใจที่อันดาตอบเด็กคนนั้นกลับไปว่า นั่นเป็นเรื่องของผู้ใหญ่เด็กไม่เกี่ยว ก็ถือว่าเราสอนลูกมาโอเคเข้มแข็งพอตัวกับสังคมบนโลกใบนี้”
“อ๋อเขาให้มาค่ะบุ๋มยังไม่ได้แลกไป ยังรู้สึกผิดอยู่ ไม่มีเวลาไปซื้อคืนให้ ที่เขาให้มันก็ไม่ได้มีโอกาสอะไรค่ะ คือเขาคุกเข่าขอแต่งงานค่ะ รับแหวนมาก็โอเคอยู่แล้ว ก็ตื่นเต้นนะไม่รู้ว่าขบวนสุดท้ายหรือเปล่า ก็ตื่นเต้นนะเวลามีคนมาอะไรหวานๆ ใส่ มันก็เป็นความฝันของลูกผู้หญิง แต่เมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้นะขอดูจังหวะของชีวิตก่อนดีกว่า ก็ต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ไม่รู้ว่าเขาจะมั่นคงกับเราจริงหรือเปล่า วันนั้นเราก็อืม..พยักหน้า คือมันพูดอะไรไม่ถูกแต่เราก็ยังไม่โอเคนะเพราะถ้าโอเคเดี๋ยวโดน”
“มากค่ะ ถึงขนาดตามไปตอบทุกคนในไอจีพี่ก็ขอบคุณมาก ทุกวันนี้ก็แทบจะเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวไปแล้ว”
“ตอนนี้ก็ศึกษากันได้ 3 เดือนเองค่ะคือมันเร็วไปไงคะแต่คุณแม่เขากลับชอบ ต้องเข้าใจก่อนว่าพอเราเป็นบุคคลสาธารณะเรามีผลงานให้เขาติดตามมานานจนเขารู้สึกคุ้นเคยกับเรา แต่เราเพิ่งเจอเขาก็เลยเหมือนว่าต้องขอดูก่อนนะแต่เขาก็บอกหมั้นก่อนดีไหม คือตอนนี้พ่อบุ๋มเองก็ยังไม่รู้เรื่องคือบุ๋มยังไม่กล้าบอกพ่อไงกลัวพ่อ คือถ้าเขากล้าก็ไปคุยกับคุณพ่อเอง ถึงบอกไงว่าไม่กล้าให้เขาเจอกลัวเขาขอ เดี๋ยวพ่อจะปฏิเสธไม่ออก แล้วมันจะเลยตามเลย ก็เลยตัดไฟตั้งแต่ต้นลมเลยว่าอย่าเจอเลย เขาก็น้อยใจค่ะ แต่เรื่องอย่างนี้มันก็ต้องใช้เวลา อย่างบุ๋มเองตอนนี้ก็งานเยอะมากจะให้ไปกินข้าวดูหนังฟังเพลงศึกษากันมันยังน้อยอยู่เลย เพราะพี่เองไม่ใช่สาวๆ แล้วที่เจอความรักแล้วต้องวิ่งเข้าใส่ ขอใช้เวลาดู”
ขอบคุณที่มาจาก sanook.com