ที่มา: ประชาชาติธุรกิจ

คำว่า “อ้วน” คงไม่มีใครอยากจะเผชิญกับปัญหาดังกล่าว และโรคของความอ้วนสามารถเป็นบ่อเกิดโรคต่าง ๆ ที่ร้ายแรงได้อีกในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นโรคมะเร็ง โรคหัวใจ หรือโรคเบาหวาน แต่ทุกวันนี้ทางการแพทย์ได้มีวิวัฒนาการสมัยใหม่ สามารถดูแลป้องกันรักษาและแก้ไขโรคอ้วนได้อีกด้วย

14467853101446785525l

นพ.สุขประเสริฐ จุฑากอเกียรติ อายุรแพทย์ระบบทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลเวชธานี ให้ข้อมูลว่า สาเหตุที่ก่อให้เกิดมะเร็งพบว่า เซลล์ไขมันที่มาก สามารถผลิตฮอร์โมน เช่น ฮอร์โมนเอสโตรเจน จะทำให้เกิดมะเร็งเต้านมได้ มะเร็งเยื่อบุโพร่งมดลูก หรือมีการผลิตฮอร์โมนบางอย่างที่ไปกระตุ้น ทำให้เซลล์แบ่งตัวผิดปกติ ทำให้เกิดมะเร็งในอวัยวะต่าง ๆ เพิ่มขึ้น

การป้องกันให้หายจากโรคอ้วน โดยการลดน้ำหนักได้จะต้องลดปริมาณอาหารที่รับประทานเข้าไป และต้องมีการเผาผลาญพลังงาน คือ “รับประทานจำกัดแคลลอรี่” ร่วมกับ “ออกกำลังกาย” และถ้าเกิดกับคนที่มีน้ำหนักเกินมาก ๆ เช่น ค่าดัชนีมวลกายเกิน 35 หรือเกิน 40 (BMI ≥ 40 (มากกว่าหรือเท่ากับ 40) อาจจะต้องใช้วิวัฒนาการทางการแพทย์ช่วย เช่น การผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหาร การผ่าตัดบายพาสลดขนาดในกระเพาะอาหาร ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้กับคนไข้ไม่มาก เช่น ค่าดัชนีมวลกายอยู่ที่ 25-35 ที่คิดว่ายังคงไม่ต้องผ่าตัด

อย่างไรก็ตาม มีวิวัฒนาการใหม่ที่ไม่ต้องผ่าตัด โดยล่าสุดมีเทคโนโลยีใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร เป็นการส่องกล้องใส่ในกระเพาะอาหาร เป็นการใส่บอลลูนในกระเพาะ หลักการเดียวกับการผ่าตัดรัดกระเพาะอาหาร คือ นำบอลลูนไปแทนที่ในกระเพาะ เพื่อทำให้คนไข้รู้สึกว่า มีอาการอิ่ม หรือว่ารับประทานได้น้อยลง เป็นอีกตัวช่วยอย่างหนึ่งที่สามารถช่วยลดน้ำหนักคนไข้ได้ ซึ่งโดยเฉลี่ย สามารถลดน้ำหนักภายใน 1 ปีได้ประมาณ 24 กิโลกรัม

“ปกติตัวบอลลูนในกระเพาะอาหารจะทำด้วยยางซิลิโคน เหมือนกับยางที่ใช้ในการทำศัลยกรรมตกแต่งทั่วไป ซึ่งมีความปลอดภัยจากคนไข้ แต่เนื่องจากอยู่ในกระเพาะอาหาร ต้องมีการบดอาหารจากในกระเพาอาหาร มีเรื่องของน้ำย่อย ฉะนั้น โดยปกติตัวบอลลูนในกระเพาะอาหารจะอยู่ในกระเพาะได้ประมาณ 1 ปี ก็ต้องมาถอดออก”

หลังจากถอดบอลลูนออก คนไข้สามารถควบคุมวินัยในการรับประทานเช่นเดียวกับช่วงที่ใส่บอลลูนอยู่ คือรับประทานเป็นมื้อ ทานในปริมาณที่เหมาะสมก็สามารถรักษาระดับน้ำหนักตัวขณะนั้นได้ แต่ถ้าคนไข้บางรายที่คิดว่า พอถอดออกแล้วกลับไปรับประทานเยอะเหมือนเดิม ก็สามารถที่จะกลับมาใส่บอลลูนลูกใหม่เข้าไปได้ โดยที่อายุของบอลลูนในกระเพาะอาหารอยู่ได้ 1 ปี

“ผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้น ประมาณ 0.2 – 0.3% คือ 2 – 3 คนในพันคน โอกาสจะเกิดบอลลูนรั่ว แต่ถ้าบอลลูนรั่วก็จะสังเกตได้จากสีปัสสาวะเปลี่ยนจากสีเหลืองเป็นสีฟ้า เพราะจะมีการใส่สารที่ปัสสาวะเป็นสีฟ้าหากมีภาวะบอลลูนรั่ว” อย่างไรก็ตาม สาว ๆ หรือ หนุ่ม ๆ คนไหน ไม่อยากตกอยู่ในสภาวะของคนเป็นโรคอ้วน ควรจะปฎิบัติตัวให้มีวินัย ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอก็จะทำให้ปราศจากโรคอ้วนได้

เรื่องน่าสนใจ