วันนี้ (3 มกราคม 2560) นายแพทย์โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า หลังช่วงการฉลองวันหยุดเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2560 ประชาชนได้เดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวต่อเนื่อง หลายวันอาจมีอาการอดนอน
ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของความง่วงหลับในมีโอกาสเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย การหลับในหรือ Sleep without closing eyes คือ การหลับขณะที่ตายังเปิดอยู่แต่ไม่รับรู้ภาพเบื้องหน้า อาจเกิดขึ้นได้ในระยะเวลาสั้นๆ ไม่เกิน 10 วินาที
โดยผู้ขับขี่ไม่รู้สึกตัว และบังคับตัวเองไม่ได้ชั่วขณะ โดยขาดการควบคุมรถจะชนรุนแรงเพราะคนขับรถไม่ได้หักหลบหรือเหยียบเบรกทำให้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้ทันที จากข้อมูลในปี 2559 พบผู้เสียชีวิตจากง่วงแล้วขับหลับในถึงร้อยละ 7
นายแพทย์โสภณ กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางกลับขอให้ผู้ขับขี่รถหรือผู้ขับขี่รถสาธารณะ ต้องเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อม พักผ่อนให้เพียงพอไม่น้อยกว่า 7-9 ชั่วโมงก่อนเดินทาง
เนื่องจากพักผ่อนน้อยจะหลับในได้ง่ายถึง 2-4 เท่า ถ้าหากหลับในเพียง 3 วินาที ขับรถที่ความเร็ว 90-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะทำให้รถวิ่งไถลไกลถึง 84 เมตร หากมีการปะทะกับรถฝั่งตรงข้ามหรือสิ่งกีดขวางข้างทางเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตได้
โดยขอย้ำหากผู้ขับขี่รถเกิดอาการง่วง อย่าขับโดยเด็ดขาดให้หยุดพักระหว่างทางทุก 2 ชั่วโมง หรือทุก 150 กิโลเมตร งดการดื่มแอลกอฮอล์ ยาที่ทำให้ง่วงซึม วางแผนการเดินทางไกล หาเพื่อนร่วมทางพูดคุย ผลัดกันขับรถ หยุดพักรถทุก 2 ชั่วโมงหรือทุกๆ 150 กิโลเมตร
แม้ว่าจะยังไม่รู้สึกเหนื่อย เมื่อรู้สึกง่วงล้า อย่าฝืนขับ ให้เปลี่ยนคนขับ หรือ แวะจอดรถในที่ปลอดภัย แวะปั๊มหรือข้างทางที่ปลอดภัย ทำให้ตัวเองสดชื่น ล้างหน้าล้างตา หรือดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ ให้ร่างการสดชื่น กระปรี้กระเปร่า หรืองีบหลับประมาณ 15 นาที ก็จะช่วยได้ แล้วค่อยเดินทางต่อเพื่อให้เดินทางกลับหาคนที่รักและกลับมาทำงานได้อย่างปลอดภัยทุกคน
ทั้งนี้ โรงพยาบาลในสังกัดทั่วประเทศ ได้เตรียมกำลังแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พยาบาล เจ้าหน้าที่ประจำการห้องฉุกเฉินหน่วยกู้ชีพฉุกเฉิน พร้อมรับอุบัติเหตุช่วงขากลับอย่างเต็มที่ตลอด 24 ชั่วโมง
โดยเฉพาะในเส้นทางหลวง ทั้ง 4 ภาคที่มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพมหานคร อาทิ ถนนสายเอเชีย ถนนพหลโยธิน ถนนมิตรภาพ ถนนเพชรเกษม ถนนพระราม 2 ถนนมอเตอร์เวย์ ถนนรังสิต-นครนายก และถนนตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี เป็นต้น และจังหวัด แถบปริมณฑล เนื่องจากเป็นจุดที่มักเกิดอุบัติเหตุได้บ่อย หากประชาชนประสบอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยฉุกเฉิน สามารถโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือได้ที่สายด่วน 1669 ตลอดเส้นทาง