แฟชั่นสุดแปลกสักลูกตานี้เริ่มต้นมาจากผู้ชายคนหนึ่ง ที่ต้องไปขึ้นศาลเพราะคดีอาชญากรรมร้ายแรงบางอย่าง
นายเจสัน บาร์นัม วัย 39 ปี ถูกศาลพิพากษาว่ามีความผิดข้อหาฆาตกรรมตำรวจนายหนึ่ง โดยรูปพรรณสัณฐานของเขานั้น ที่เด่นๆคือเป็นคนหัวล้าน แถมสักลายตั้งครึ่งหน้า
แต่จุดที่เตะตาที่สุดคือตาข้างขวาของเขามากกว่า คือแทนที่ตาขาวของเขาจะเป็นสีขาวเหมือนคนปกติทั่วไป แต่เขากลับไปสักมันให้เป็นสีดำหมด !
ในระหว่างการตัดสินคดี ตำรวจก็เพ่งพินิจดูใบหน้าของบาร์นัม พร้อมเผยว่า รอยสักเหมือนเป็นกระจกสะท้อนความคิดของผู้ต้องหา ที่ตั้งตนเป็นปรปักษ์กับเพื่อนมนุษย์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในลูกตา ที่ก็ยังอุตส่าห์ไปเปลี่ยนสีมัน นั่นหมายความว่าอย่างไร หากมองตามคำกล่าวที่ว่า “ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ” แล้ว ดวงตาของบาร์นัมจะบอกอะไรเกี่ยวกับตัวเขาได้บ้าง? หรือว่าเป็นการแสดงออกให้เห็นถึงความมุ่งร้ายต่อสังคม ?
หลังจากนั้นเป็นต้นมา แฟชั่น “สักลูกตา” ก็เริ่มแพร่กระจายไปราวกับเชื้อโรค โดยผู้บุกเบิกคือ นายลูน่า โคบรา ศิลปินนักสักลายชาวอเมริกัน เขาคิดค้นและทดลองวิธีการเปลี่ยนสีลูกตา ด้วยการฉีดหมึกสีเข้าไป แล้วก็มีเพื่อนเก่าของเขามาประเดิมเป็นลูกค้ารายแรก
“เขาเอารูปตัวเองที่ใช้โฟโต้ช็อปตัดต่อให้ตาตัวเองเป็นสีฟ้าเหมือนตัวละครในหนังวิทยาศาสตร์เรื่อง Dune เขาบอกว่าอยากมีตาแบบนั้น ผมเลยบอกไปว่า ฉันว่าฉันทำให้ฝันนายเป็นจริงได้” ลูน่ากล่าว
แล้ววันต่อมา ลูน่าก็เอาเข็มฉีดยาที่สูบสีหมึกเอาไว้แล้ว มาซ้อมมือกับอาสาสมัครผู้กล้า 3 คน ก่อนจะไปทำจริงให้เพื่อน
“ผมรู้ว่ามันอาจจะฟังดูบ้าๆ แต่ผมทำงานตรงนี้มาทั้งชีวิตแล้ว ผมเชื่อมั่นในฝีมือของตัวเอง” เขากล่าว
ลูน่าใช้เวลานานหลายปีในการพัฒนาเทคนิคนี้ จนกระทั่งได้วิธีออกมาเป็นกระบวนการว่า เราจะฉีดเม็ดสีเข้าไปในลูกตาโดยตรง แล้วมันจะปกคลุมเยื่อตา แต่แค่เพียง 1 ใน 4 เท่านั้น ถ้าอยากจะให้ทั้งตาขาวเปลี่ยนสีหมด ก็ต้องฉีดเข้าไปหลายรอบพอสมควร ซึ่งลูน่าเผยว่า ตนทำให้คนมาเป็นร้อยๆแล้ว แทบจะทุกสี ไม่ว่าฟ้า เขียว แดง หรือดำ
ด้านน.ส.ไคลี่ การ์ธ พนักงานในอพาร์ทเม้นท์ของลูน่า เจ้าแม่จอมเจาะไม่ว่าจะจมูก หรือปาก ผู้เคยตกแต่งร่างกายตัวเองมาแล้วอีกเพียบ ทั้งสักหน้า หรือแม้กระทั่งเหลาใบหูให้แหลมๆเหมือนพวกเอล์ฟ และทำลิ้นให้เป็นสองแฉกเหมือนงู ก็เป็นหนึ่งในลูกค้าของลูน่า ที่ไปขอให้เปลี่ยนสีลูกตาให้เป็นสีเขียวสมุทร ก็มาเล่าประสบการณ์ให้ฟังว่า
“ตอนฉีดสีมันจะเหมือนมีใครเอานิ้วมาแหย่ลูกตาเราจากนั้นก็จะรู้สึกเหมือนทรายกระเด็นเข้าตา แต่ไม่เจ็บ” ก็นับว่าโชคดีของเธอไป ที่ทำแล้วไม่เจอแจ็กพ็อต
แต่สำหรับแร็ปเปอร์หนุ่มชาวโปแลนด์อย่างนายโปเป๊กแล้ว คงอยากจะค้านไคลี่ซักล้านรอบ เพราะเขาก็เป็นอีกคนที่ไปใช้บริการลูน่า ในการสักลูกตาให้เป็นสีเขียว
แล้วไม่กี่วันหลังจากนั้น เขาก็รู้สึกสึกปวดแสบปวดร้อนดวงตาขึ้นมาทันที ราวกับโดนไฟเผา ทรมานถึงขั้นว่านอนไม่หลับ แต่ก็ยังโชคดีที่ในที่สุดแล้วก็หาย
สุดท้ายแล้ว นายโปเป๊กก็เลยมาคิดดูว่า หรือจะกลับไปหาลูน่าให้เปลี่ยนสีตาคืนดี? ซึ่งจักษุแพทย์ก็เตือนเขาแล้วว่า การทำแบบนี้อันตรายต่อดวงตามาก ถ้าร้ายแรงหน่อยก็อาจถึงขั้นตาบอด
อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นแฟชั่นยอดฮิต แต่เขาจะเตือนลูกค้าว่า ต้องทำอย่างมีวิจารณญานด้วย !