สาว30 แม่ตัวจริงดีใจพบลูก หลังถูกขโมยจากรพ.4ปี ยันไม่เห็นแก่เงิน จะสู้ยิบตาเพื่อให้ได้ลูกคืน แม้ไม่ร่ำรวย แต่ไม่อัตคัดที่จะเลี้ยงดู
จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภาค 4 ได้ติดตามจับกุม นางอัญชุลี ชิดขุนทด ชาวเทพสถิต จ.ชัยภูมิ ผู้ต้องหาลักทารกแรกเกิด อายุ 2 วัน บุตรสาวของ นางกัลย์สุดา สำแดง อายุ 30 ปี ชาวบ้านดอนบม อ.เมืองขอนแก่น เหตุเกิดเมื่อเดือนวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2554
โดย พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิษฐ ผบช.ภ.4 ได้แถลงข่าวผลการจับกุม และได้ส่งตัวผู้ต้องหาให้กับพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยคดีนี้ได้รับความสนใจ และมีกระแสสังคมถึงผลกระทบต่อเด็กเป็นอย่างมาก และมีกระแสว่า จะมีการจ่ายเงินให้กับแม่ที่แท้จริง เพื่อขอเอาเป็นลูกบุญธรรม
ความคืบหน้า ล่าสุด นางกัลย์สุดา สำแดง ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวทั้งน้ำตาว่า ตลอด 4 ปีที่ผ่านมาได้ มีความพยายามติดตามหาลูก มาโดยตลอด ทั้งจากทางตำรวจและโดยตัวเอง แต่ก็ไม่เคยได้ข่าวคราว จนกระทั่งเมื่อเดือนสิงหาคม ตำรวจโทรมาหา และบอกว่าน่าจะพบลูกสาวที่หายไปแล้ว จึงได้ร่วมเดินทางไปที่จังหวัดชัยภูมิ เมื่อตำรวจถามว่า จำลักษณะพิเศษของลูกได้หรือไม่ ก็ตอบได้ทันทีว่า หูของลูกมีติ่งแหว่งข้างซ้าย เมื่อเปิดดูก็มีจริงๆ และมีการตรวจดีเอ็นเอ จนสุดท้ายก็มีผลออกมาว่า เป็นลูกของตัวเองจริงๆ
นางกัลย์สุดา กล่าวอีกว่า ครั้งนั้นเป็นการเจอหน้ากันครั้งแรก หลังจากที่ลูกหายไปจากอ้อมอก รู้สึกดีใจมากๆ แต่ก็รู้สึกสะท้อนในใจเพราะลูกไม่มีความคุ้นเคย แต่ความรู้สึกผูกพันของความเป็นแม่ไม่เคยจืดจาง ต้องยอมรับว่า ครอบครัวทางโน้นรักและเลี้ยงดูเป็นอย่างดี โดยเฉพาะปู่กับย่าที่ดูแลอย่างใกล้ชิด
“ที่ผ่านมาแทบจะเสียผู้เสียคน ต้องอาศัยพึ่งยาคลายเครียด คิดมากทั้งต้องพลัดพรากจากลูก และยังถูกสังคมประนามต่างๆนานา บ้างก็ว่าขายลูก บ้างก็ว่ายกลูกให้คนอื่น ซึ่งไม่มีใครเข้าใจหรอกว่าหัวอกคนเป็นแม่จะเจ็บแค่ไหน ตอนนี้อยากให้ลูกกลับมาอยู่กับครอบครัว ที่บ้านนี้แม้จะไม่ร่ำรวยแต่ก็มีรายได้ พอเลี้ยงดูแลให้การศึกษา ไม่ต้องการเงินของใคร ลูกทั้งคนไม่เคยคิดจะขาย แม่แต่แมวหมาที่เลี้ยงไว้ยังรักเลย นี่ลูกทั้งคน ก็คงจะสู้ถึงที่สุด แต่ทั้งนี้ก็จะต้องทำตามวิธีการของคณะกรรมการสหวิชาชีพที่เข้ามาดูแล เพื่อไม่ให้กระทบกับความรู้สึกของลูกที่สุด” นางกัลย์สุดา กล่าว
อย่างไรก็ตาม ก็กังวลเพราะก่อนหน้านี้ว่า จะให้ทางเราเทียวไป เพื่อทำความคุ้นเคยกับลูกเป็นระยะเวลาประมาณ 1-2 ปี หรือให้ไปพักอาศัยอยู่ที่บ้านกับลูกที่ชัยภูมิประมาณ 1 ปี ซึ่งเป็นสิ่งที่ลำบากใจมาก เพราะไม่ใช่ญาติ ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
และมีข่าวว่า จะมีการจ่ายเงินเพื่อปลอบขวัญและให้ เพื่อขอไปเป็นลูกบุญธรรมนั้น นางกัลย์สุดา กล่าวว่า ก็ไม่เคยคิดจะยกให้ เพราะลูกมีแม่ที่แท้จริง ใบเกิดก็แจ้งไว้แล้ว ตั้งแต่วันหลังคลอด ก่อนที่หมอจะอนุญาตให้กลับบ้าน แต่ลูกก็มาหายไปเสียก่อน ที่สำคัญคิดว่า คนที่ทำผิดก็ควรจะรับผลที่ก่อขึ้น เพราะที่ผ่านมาคนที่เป็นแม่ต้องสูญเสียต้องจมอยู่กับความทุกข์มานานกว่า 4 ปี ไม่ใช่แค่ตนเองเท่านั้นแต่ทุกคนในบ้านต่างก็เฝ้ารอให้มีวันนี้
ซึ่งจากที่ดูความเป็นอยู่ของครอบครัวนางกัลย์สุดา สภาพบ้านเป็นบ้านไม้สองชั้นครึ่งปูน บริเวณโดยรอบกว้างโล่ง อยู่ติดริมถนนทางเข้าหมู่บ้าน และมีบ้านญาติอยู่ใกล้กัน โดยในบ้านมีคนอาศัยรวมกัน 5 คนนางกัลย์สุดาบอกว่า ปัจจุบันมีอาชีพรับจ้างที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ส่วนปู่ก็เป็นข้าราชการบำนาญ
และรายงานแจ้งว่า ในวันที่ 9 พ.ย.กรรมการ สหวิชาชีพ ขอนแก่น รวมทั้งนางกัลย์สุดา และญาติ จะเดินทางไปร่วมประชุม กับฝ่ายครอบครัวของผู้ต้องหาที่จังหวัดชัยภูมิ เพื่อหาข้อยุติและข้อปฏิบัติที่ทุกฝ่ายจะต้องทำเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับเด็กหรือมีก็น้อยที่สุดรวมทั้งเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้เป็นแม่ที่แท้จริงด้วย
ด้านการดำเนินคดี พ.ต.อ.พิสิฐ หลวงเทพ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สภ.เมืองขอนแก่น เจ้าของคดี บอกว่า สำนวนได้มีการตั้งแต่ปี 2554 เพียงแต่มีการสอบสวนเพิ่ม และขณะนี้ได้นำตัวผู้ต้องหาส่งฝากขังที่เรือนจำกลางขอนแก่น และรอหลักฐานเพิ่มเติมเล็กน้อย คาดว่า จะสามารถส่งฟ้องได้ภายใน 15 วันนี้
ขณะเดียวกันได้รับแจ้งว่า ญาติของนางอัญชุลี ได้มีการยื่นเรื่องขอประกันตัวต่อศาล โดยทางศาลให้ประกันได้ด้วยหลักทรัพย์ค้ำประมาณ 180,000 บาท