แม่มิ้นต์’ เคลียร์ประเด็น กรณี ‘หมาก’ ด่าในไลน์

markmint2

เกิดเป็นเรื่องราวใหญ่โตเมื่อมีภาพแคปหน้าจอการสนทนาทางไลน์ของคนที่ดูเหมือนจะเป็นพระเอกหนุ่ม “หมาก-ปริญ สภารัตน์” พูดต่อว่าถึงคุณแม่ของนางเอกสาว “มิ้นต์-ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง” ถึงขนาดจะมีการไปถุยน้ำลายใส่หน้าคุณแม่ โดยต้นเหตุก็มาจากภาพในอินสตาแกรมของคุณแม่ที่คล้ายจะไปกระทบถึงฝ่ายพระเอกหนุ่มเข้าให้ งานนี้เรื่องราวลึกๆ จริงเท็จเป็นอย่างไร “ไทยรัฐออนไลน์” ต่อสายตรงไปคุยกับ “คุณแม่เมย์-รัชนก” คุณแม่ของ “สาวมิ้นต์” ที่พร้อมจะมาเปิดเผยทุกเรื่องราว

“จริงๆ ภาพจากอินสตาแกรมแม่ ไม่น่าจะเป็นเรื่อง เพราะเรื่องทั้งหมดไม่ได้เกี่ยวอะไรกับน้องผู้ชายเลย แต่แม่คิดว่าเขาอยู่ในสังคมที่เขาเกลียดเรา พูดง่ายๆ ว่าอาจจะเป็นผู้จัดการเขาที่ยุให้ทำในสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควร แต่ปกติแล้วน้องผู้ชายก็ให้ความเคารพเราดี แต่เราก็ไม่รู้ว่ามันเกิดเหตุการณ์อะไร เขาถึงกล้าที่จะทำในสิ่งที่ผิด พูดจาไม่ดี

คือในอินสตาแกรมแม่เป็นอินสตาแกรมส่วนตัวอยู่แล้ว แต่ทุกคนก็สามารถเข้ามาอ่านของเราได้ ถ้าคนคิดมากก็คิดว่าเป็นตัวเอง ถ้าคนไม่คิดอะไรก็คือผ่านไป แต่พูดง่ายๆ คือผู้จัดการคนปัจจุบันของน้องผู้ชายเกลียดลูกเรา ผู้จัดการคนนี้ดูแลน้องผู้ชายมาตั้งแต่อยู่กับพี่เอ-ศุภชัย ทางเรากับน้องผู้ชายไม่เคยมีปัญหาอะไรเลย จนผู้จัดการคนนี้เข้ามาในชีวิตเราเยอะเกินไปจึงเกิดปัญหา ทางน้องผู้ชาย การที่เขาคงโดนยุแยงตะแคงรั่วหรือเป่าหูบ่อยๆ ก็คงโกรธ คือเด็กน่ะนะเขาจะคิดดีไม่ดีก็ขึ้นอยู่กับคนที่อยู่ใกล้ชิดกับเขา แต่ถามว่าลูกเราเคยทำร้่ายอะไรมั้ย เราสาบานได้ว่าลูกเราไม่เคยยุ่งอะไรอยู่แล้ว น้องมิ้นต์เนี่ยเขาเป็นเด็กที่เขามีสังคมเขาแค่ไหนก็แค่นั้น เขาอยู่ตรงไหนของเขาก็ได้หมด เพราะเขาเป็นเด็กของช่อง อยู่ในช่องมาตั้งแต่อายุ 13 ปี เขาไม่เคยมีปัญหากับใครเลยแม้แต่คนเดียว

แต่ตั้งแต่ผู้จัดการคนนี้เข้ามาปุ๊บ รู้สึกมีเรื่องมีราวอะไรที่เยอะแยะ ทำให้น้องมิ้นต์เสียหายมาตลอด ไม่ว่าเรื่องข่าวต่างๆ นานาที่่ผ่านมา ซึ่งเราก็ไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวแต่เราก็ถูกดึงเข้าไปตลอด เราก็ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่เราก็ให้มันผ่านไปเหมือนลม อย่าไปสนใจมัน แต่พอทางน้องผู้ชายมีอะไรปุ๊บ ทางผู้จัดการเขาก็ขอให้เราช่วยแก้ข่าวให้หน่อยนะ

อย่างตอนที่มีปัญหาเรื่องข่าวสาดเหล้า เราไม่ได้อยู่ในตรงนั้น แต่มาขอให้เราช่วย น้องมิ้นต์ก็บอกว่าหนูไม่ได้อยู่ในตรงนั้น หนูก็ตอบนักข่าวตรงๆ ผู้จัดการเขาก็พยายามจะดึงเราเข้าไปเกี่ยว ซึ่งเราไม่อยากยุ่ง แต่ว่าในกรณีพวกนี้เราก็โอเค ถือว่าผ่านมาแล้วเราก็ผ่านไป แต่ผู้จัดการเขาไม่หยุด เด็กซึ่งเคยเป็นคู่ขวัญกันก็ถูกสกัดงานทุกอย่างที่จะเป็นงานคู่

ผู้จัดการคนนี้เขามาดูน้องผู้ชายตอนที่ยังอยู่กับพี่เอ-ศุภชัย พี่เอเนี่ยเขาไม่เคยมายุ่งอะไรกับน้องมิ้นต์อยู่แล้ว พี่เอเขาเป็นคนดี น่ารัก เฟรนด์ลี่ แต่พอผู้จัดการคนนี้ที่มาดูแลแทนเขาตีน้องมิ้นต์ตลอดว่า น้องมิ้นต์ไปเกาะกระแสเด็กเขาดังนะ ผู้จัดการคนนี้เขาพยายามทำให้น้องมิ้นต์ดูไม่ดีตลอด ปล่อยข่าวให้นักข่าวคนที่เขาสนิทลงข่าว เราก็รู้มานั่นล่ะว่า เขาไม่หยุด ไปว่าน้องอย่างงู้นอย่างงี้ แต่เราก็โอเค อดทน ถ้าไม่หยุดก็ไม่เป็นไร ตัวน้องผู้ชายเนี่ยเราไม่เคยไปแตะ แต่ตัวผู้จัดการเขาเนี่ยเอาตรงๆ ก็ยอมรับว่ามีกระแทกไปนะ มีค่ะที่ไม่พอใจเราก็ลงกระแทกไปแต่ยืนยันว่าหมายถึงผู้จัดการเท่านั้น

เด็ก 2 คนเขาไม่ได้ทะเลาะกันจริงๆ เขาไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย ละครเหนือเมฆ ก็ยังกอดคอกัน สู้กันมาทั้งทุกข์ทั้งสุขตอนละครโดนตัดจบ เด็กทั้งคู่ก็ร่วมงานกันมาด้วยดี แต่ทำไมมีงานอีเวนต์ติดต่อมาขอคิวมิ้นต์คู่น้องผู้ชาย อ่ะแม่ก็ให้คิวมิ้นต์ไป แล้วให้เบอร์ทางผู้จัดการเขาไปติดต่อน้องผู้ชายเอง คือเราก็ไม่คิดอะไรอยู่แล้ว เพราะเด็กทำงานกันมาตั้งแต่ปฐพีเล่ห์รัก แต่สุดท้ายทางออร์กาไนซ์เขาก็แจ้งเราว่า ขอโทษจริงๆ นะคะคุณแม่ ทางผู้จัดการน้องผู้ชายบอกว่าถ้าจะเอาน้องผู้ชายต้องไม่มีน้องมิ้นต์ เราก็ได้แต่ไม่เป็นไร แต่เราก็จำเอาไว้ ลึกๆ เราจำทุกอย่างไม่ใช่ว่าเราไม่เจ็บ เรามองว่าปัญหามันไม่ใช่เรื่องของเด็ก มันเป็นเรืื่องของผู้ใหญ่อยู่แล้ว เขาไม่อยากให้เราไปเป็นคู่ขวัญเด็กเขา เราก็ยอมเพราะเรามองว่าเราไม่จำเป็นต้องมีคู่ขวัญ เราก็อยู่ของเราได้ เพราะช่องก็ไม่ได้ตั้งน้องมาให้เป็นคู่ขวัญกับใคร ช่องให้เล่นกับใครก็เล่น เราก็ยินดี เอาตรงๆ เรารู้สึกว่าเรามีงานก็พอ แต่สุดท้ายทางเราก็เจอยังเหตุการณ์เหล่านี้มาตลอด

จนวันหนึ่งผู้จัดการคนนี้เขามาขออยู่กับพี่เหมียว ผู้จัดการคนใหม่ที่ดูคิวพรีเซ็นเตอร์ให้น้องมิ้นต์ พอเรามาอยู่กับพี่เหมียวปุ๊บ ผู้จัดการคนนี้เขาก็ออกจากพี่เอพอดี เขาก็มาขออยู่กับพี่เหมียว ตอนที่เราเห็นคนนี้เข้ามาอยู่ เราก็ยังถามกับพี่เหมียวว่าเขาเคยทำร้ายแม่กับน้องมานะคะ ทางพี่เหมียวก็ยืนยันว่าไม่เป็นไร ตอนนี้แม่อยู่กับเหมียว เขาก็อยู่กับเหมียว เขาก็ต้องไม่ทำร้ายน้องอยู่แล้ว

แล้วผู้จัดการคนนี้เขาก็มาพูดกับเราว่า เรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดเป็นฝีมือของพี่เอ-ศุภชัย ไม่ใช่เขาทำนะ ไม่ต้องห่วงนะคะต่อไปนี้ เราจะเริ่มต้นใหม่กัน ก็โอเคสิ่งที่ผ่านมาแม่ให้อภัย ถึงจะทำแม่ทำน้องเจ็บแค่ไหน แต่เราก็ถือว่ามันผ่านไปแล้ว เขาก็ขอโทษขอโพยเราดิบดี แต่อยู่มาสักพักเราก็รู้สึกละว่าเขาเริ่มยุให้รำตำให้รั่ว พูดกับเราอย่างหนึ่ง พูดกับพี่เหมียวอย่างหนึ่ง แต่แม่เป็นคนที่ใครยุอะไรยุไม่ขึ้นหรอก เราแค่รับฟังเอาไว้แล้วดูพฤติกรรมไปเรื่อยๆ ตลอดเวลาผู้จัดการคนนี้ก็มาพูดต่างๆ นานายุเรา ขณะที่ก็ไปยุพี่เหมียวว่าน้องมิ้นต์อย่างงู้นอย่างงี้ โดยที่ทางเรากับพี่เหมียวก็ไม่กล้าพูดกัน แต่เราก็เริ่มฉลาดขึ้นละว่าผู้จัดการคนนี้มาไม้ไหน

วันหนึ่งผู้จัดการคนนี้มาบอกมิ้นต์ว่า มิ้นต์เธอไม่มีกระแสเลย เขาก็พยายามจะให้มิ้นต์สร้างกระแสกับน้องผู้ชาย คือแม่รู้สึกว่ามันล้ำเส้น ตอนแรกมิ้นต์ไม่ได้บอกแม่นะว่าทางผู้จัดการคนนั้นมาบอกให้มิ้นต์ทำอะไรบ้าง แต่สุดท้ายมิ้นต์ก็มาบอกแม่เพราะเขารู้สึกว่าเขาโดนบิวด์เยอะ คือช่วงที่น้องผู้ชายคบกับนางเอกช่อง 5 ทางผู้จัดการคนนี้ก็อยากสกัดเพื่อไม่ให้น้องผู้ชายคบคนนั้น ก็เลยบิวด์มิ้นต์ว่ามิ้นไม่มีกระแสเลย ข่าวไม่มี มาจับคู่กับน้องผู้ชายเหอะ ต้องคุยกับพี่เขามั่งนะ

ตอนแรกเราก็เฉยๆ คือไม่มีอะไรเขาคงอยากให้เราให้กำลังใจพี่ชาย พี่เขาอาจจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า แต่พอเยอะๆ เราก็เริ่มคิดละว่าเมื่อก่อนผู้จัดการสกัดเราขนาดนี้ตอนนี้มาอะไร พอสักพักก็เริ่มละ มาบอกมิ้นต์ว่าถ้าพี่เขาชวนไปกินข้าวก็ไปนะ ถ้าไปดูหนังไปอะไรก็ไปกับเขาบ้างเพืื่อให้เป็นข่าวกัน มิ้นต์ก็เริ่มงงว่าเราต้องทำขนาดนี้เหรอแม่ มิ้นต์เองก็มีคนคุยนะ พี่เขาเองเขาก็มีคนคุย แล้วช่วงนั้นเป็นช่วงที่น้องผู้ชายเขามีอีกคนเขามาในชีวิต ณ ตอนนั้นมิ้นต์ก็ยังถือว่าเป็นเด็กที่ผู้จัดการคนนี้ดูแลอยู่ เพราะมิ้นต์ก็อยู่กับพี่เหมียว ผู้จัดการคนนั้นเขาก็อยู่กับพี่เหมียว ถูกมั้ยคะ ดังนั้นเขาก็ต้องเลือกให้มิ้นต์มาเป็นข่าวกับเด็กเขา ดีกว่าให้คนอื่นเป็น ผู้จัดการคนนี้เขาก็พยายามผลักดันผู้หญิงสองคนออกไปโดยใช้ให้มิ้นต์ไปดึงขึ้นมา จนมิ้นต์ไม่ไหวก็บอกว่ามิ้นต์ไม่ทำเพราะมันไม่ดี พี่นางเอกช่อง 5 เขาก็ต้องเจ็บปวด หนูทำไม่ได้ หนูเองก็มีคนที่หนูคุยอยู่ หนูลำบากใจ เขาก็รู้ละว่าการปฏิเสธของมิ้นต์คือมิ้นต์ไม่ร่วมมือ

ต่อมาผู้้จัดการคนนี้ก็มาถามมิ้นต์ว่า ถ้าวันหนึ่งเขาต้องแยกทางกับทางพี่เหมียว มิ้นต์จะเลือกจะอยู่กับเขาได้มั้ย น้องมิ้นต์ก็ไม่ตอบ เขาก็รู้ละว่ามิ้นต์ปฏิเสธเขาอีก จนสุดท้ายเขาก็มีปัญหากับพี่เหมียว ซึ่งมันเป็นปัญหาของเขาสองคนแม่ไม่ยุ่ง แต่เราก็ยังอยู่กับพี่เหมียวจนถึงปัจจุบัน

อย่างเร่ืองที่จะให้มิ้นต์กลับมาจับคู่กับน้องผู้ชายเพื่อเป็นข่าวกัน โชคดีที่น้องมิ้นต์มีอะไรเขาเล่าให้พ่อแม่ฟัง คุณพ่อเป็นผู้ชายก็บอกว่าลูกเราเป็นผู้หญิงจะไปทำพฤติกรรมอย่างที่เขาให้ทำได้อย่างไร คิดดูผู้จัดการคนนั้นจะให้มิ้นต์ไปดูหนังกับน้องผู้ชายแล้วบอกว่าถ้าพี่เขาจะจับมือนิดหน่อยก็จับไปเหอะจะได้เป็นข่าว ซึ่งเราก็ไม่ทำ พอทางเรายุไม่ขึ้น บวกกับมีปัญหากับพี่เหมียวเอง เขาก็เลยไม่ติดต่อกับเรา จบกันแบบไม่ได้เคลียร์ไม่ได้คุย

สุดท้ายมีงานอะไรที่มีทางน้องผู้ชาย ทางผู้จัดการเขาก็บอกห้ามมีมิ้นต์ จริงๆ มิ้นต์ไม่ได้มีปัญหาอะไร ใครจ้างไปไหนก็ไปเพราะงานอะไรมิ้นต์รับได้หมด เพราะเขาอยากได้เงินมาทำบ้าน เราเลือกจบแต่คุณต้องจบนะ ไม่ใช่มาตีเราต่อไปเรื่อยๆ อย่่าให้มีพฤติกรรมอย่างนี้เกิดขึ้นอีกนะ ถ้าเรารู้เราก็ชัดเจนของเรานะ

การที่แม่ขึ้นอินสตาแกรมก็ยอมรับว่ามีกระแทกผู้จัดการเขา แต่ทางน้องผู้ชายไม่รู้ว่าน้องมิ้นต์เก็บกดมาก ถูกบังคับให้ทำอะไรบ้าง น้องผู้ชายไม่เคยรู้ แม่ถึงบอกว่าถ้าวันนึงมันจะเป็นข่าว มีปัญหาขึ้นมาจริงๆ น้องผู้ชายควรจะรับรู้ด้วยว่าสิ่งที่ผู้จัดการเขาทำกับน้อง ทำมากแค่ไหน น้องผู้ชายไม่เคยรู้หรอก น้องผู้ชายเป็นคนฝ่ายเขาก็คิดแต่ว่าผู้จัดการเขาไม่ได้ทำอะไรน้อง แต่ทางเราที่ถูกกระทำ เรารู้ว่าเราโดนอะไรบ้าง

เรื่องพวกนี้เหมือนนิยายมาก แม่บอกเลยว่าคนจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่วิจารณญาณ แต่แม่เคยบอกไว้แล้วว่าวันหนึ่งถ้าเกิดอะไรขึ้นแม่จะพูด ทุกอย่างจะต้องถูกเปิดเผย เพราะว่าแม่อึดอัดและทนไม่ไหวแล้ว”

อยากฝากอะไรถึงน้องผู้ชายคนนั้นมั้ยคะกับข้อความที่เขาต่อว่าเรามาในไลน์

“เขาว่าแรงนะ เด็กๆ เพื่อนมิ้นต์หลายคนก็มาปลอบใจแม่ ว่าแม่เสียใจมั้ยคะ ที่เขามาพูดอย่างนี้ แม่บอกเลยว่าไม่เสียใจหรอก แม่ต้องเข้มแข็งเพราะลูกแม่ยังอยู่ในวงการ แต่ถามว่าโกรธมั้ย ตอนแรกที่เห็นข้อความโกรธค่ะ รู้สึกว่าเด็กคนนี้ก้าวร้าวเกินไปทำไมไม่มองมุมกลับ ว่าทำไมคนเขาถึงพูดถึงผู้จัดการคุณในทางลบเยอะแยะอย่างนั้น ทำไมตัวเองไม่เคยหาข่าวมาดูผู้จัดการตัวเองบ้าง แต่ตอนนี้แม่ไม่โกรธเพราะเด็กทั้งคู่เขาไม่ได้ทะเลาะอะไรกันเลย มันเกิดจากที่น้องผู้ชายโดนผู้จัดการบิวด์ แม่ก็ถามน้องมิ้นต์ตลอดเวลาว่ายังคุยกับน้องผู้ชายมั้ย มิ้นต์ก็บอกว่าก็ปกติ เขาคุยหนูก็คุย แต่หนูก็ไม่รู้จะทำยังไง

แต่วันนี้แม่อยากฝากถึงเขาว่า อย่างน้อยมิ้นต์เขาก็เป็นเพื่อนของน้องผู้ชายคนนี้ แม่เป็นแม่มิ้นต์ ถ้ามีใครมาพูดอย่างงี้กับแม่ของน้องผู้ชายบ้างเขาจะรู้สึกอย่างไร ถ้าอยู่ๆ มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งมาพูดอย่างนี้ใส่ ถามว่าคนที่เป็นลูกทุกคน ถ้าได้เห็นประโยคนั้นจะรู้สึกยังไง น้องมิ้นต์เขาก็เสียใจนะที่พี่ที่สนิทพูดอย่างงั้นถึงแม่เขา แต่สำหรับแม่ไม่สนใจค่ะ ลูกเราตั้ง 4 คนที่เราต้องเลี้ยงดู ปัญหาและอุปสรรคที่เราผ่านกันมามันมากกว่านี้ เรื่องแค่นี้แม่ถือเป็นผลกระทบทางจิตใจเท่านั้นค่ะ น้องผู้ชายเขาไม่ได้ผิดอะไรหรอก เขาแค่ไปอยู่กับผู้จัดการที่ไม่ดีเท่านั้นเอง”

 

ขอบคุณที่มาจาก ไทยรัฐออนไลน์

เรื่องน่าสนใจ