แห่ ตามกระแส ดูดไขมันเลียนแบบดารา ระวังดับ 

vaser1

vaser2

เรียกได้ว่าไม่ใช่เรื่องน่าอายหรือปกปิดอีกต่อไปสำหรับยุคนี้ ที่จะโชว์ ขวดบรรจุไขมันหลังจากที่ดูดแล้วลงใน IG ล่าสุดกับ พริตตี้คนสวย และดีเจชื่อดัง ได้โพสต์ภาพแบบให้เห็นกันจะๆ ถึงปริมาณไขมันที่นำออกมาได้ ซึ่งสำหรับการโพสต์ภาพเช่นนี้จะเป็นการเหมาะสมหรือไม่ ก็ได้ไปสอบถามถาม นพ.เทพ เวชวิสิฐ แพทย์ศัลยกรรมตกแต่งคนดัง ผู้ก่อตั้งประตูน้ำโพลีคลินิก ก็ได้รับคำตอบว่า 

“หลักของการดูดไขมันคือ การใช้ท่อเล็กๆ เสียบเข้าไปแล้วใช้ vacuum ดูดออกมา มีคนพยายามคิดเครื่องมือที่สามารถดูดไขมันได้ เช่น ในเรื่องของความร้อน เพื่อมาช่วยในการดูดไขมัน เช่น นำน้ำเข้าไปฉีดก่อนแล้วดูดออกมา หรือนำเครื่องอัลตราซาวด์เข้าไปเขย่าไขมันให้ละลายแล้วดูดออกมา แต่โดยหลักคือ ต้องเอาท่อเข้าไปแล้วใช้สูญญากาศดูดออกมา

ไขมันมีลักษณะนิ่มๆ ดูดออกได้ ถ้าคนไข้มีปัญหาเรื่องหุ่นไม่ดีก็ดูดออก แต่ถ้าดูดทั้งตัวก็ต้องเสี่ยงต่อการใช้ยาชาซึ่งอาจจะเยอะเกินไป การเสียเลือดมาก น้ำมากก็เสียชีวิตได้เช่นกัน ธรรมดาเขาไม่แนะนำให้ดูดไขมันเกิน 5,000 ซีซี ง่ายๆ ก็เท่ากับโค้ก 5 ลิตร ถ้าสมมติดูด 8,000 ซีซี โค้ก 8 ลิตร คุณต้องอยู่โรงพยาบาลเลย อาจจะต้องให้เลือด”
และที่เป็นข่าวโด่งดังหมาดๆ เมื่อต้นปี วัยรุ่นสาว 17 ดูดไขมันแล้วดับคาเตียงที่เชียงใหม่ หรือเมื่อปลายปีที่แล้ว นางแบบบราซิลก็เสียชีวิตจากการดูดไขมันหน้าท้อง หรือย้อนไปอีกหน่อยในกรุงเทพฯเรานี่แหล่ะ วัยรุ่นสาวอีกเช่นเคยดูดไขมันแล้วตายในคลินิกแถวอุดมสุข

ซึ่งคุณหมอก็บอกว่าสมัยนี้ห้ามไม่ได้หรอก ต้องแนะนำในสิ่งที่ถูกต้อง

“สมัยนี้คุณห้ามไม่ได้หรอกในการโพสภาพเพราะมันเป็นเรื่องของสื่อทางอินเตอร์เน็ต ห้ามไม่ได้เลยตอนนี้ หยุดไม่ได้ ต้องปล่อยผมว่าไม่เสียหายเลยนะ คุณอยากรู้เรื่องอะไรสื่ออินเตอร์เน็ตมีหมด แม้กระทั่งเรื่องเซ็กซ์เรื่องเปลือย คุณจะไปห้ามได้ไง แต่สิ่งที่คุณให้ข้อมูลต้องเป็นเรื่องจริง เช่น คุณบอกว่าไขมันไม่มีอันตราย ไม่จริง อันนี้ห้ามพูดเลย แม้กระทั่งถอนฟัน ยังมีอันตรายเลย แค่ยาชาก็อาจเสียชีวิตได้”

 

นอกจากนี้ยังได้สอบถามไปยัง นพ.นพรัตน์ รัตนวราห แพทย์ศัลยกรรมตกแต่ง ประจำโรงพยาบาลสมิติเวช อีกท่านหนึ่งก็ได้ให้ความเห็นว่า

“การดูดไขมันส่วนใหญ่ถ้าเป็นคนไทยจะนิยมดูดบริเวณต้นขา หน้าท้อง จุดอื่นๆ อาจจะมีหลัง ท้องแขนบ้าง วัตถุประสงค์หลักของการดูดไขมันไม่ใช่เพื่อการลดความอ้วน ต้องบอกก่อนว่า ไม่ใช่การดูดเพื่อลดน้ำหนัก ไม่ใช่ดูดเพื่อทำให้ผอมลง ไม่ใช่การดูดเพื่อลดไขมัน เหล่านี้ไม่เกี่ยวเลย

การดูดไขมันที่ถูกต้องตามวัตถุประสงค์เหมือนการแกะสลักไขมันตามร่างกาย โดยที่เราควรจะคุมน้ำหนักให้ได้บริเวณหนึ่งก่อน จากนั้นจะดูดไขมันบริเวณส่วนเกินที่ไม่สวยงาม เช่น บริเวณต้นขาด้านนอก บริเวณเอว ท้อง และดูดเฉพาะจุดนั้นๆ เพื่อให้ร่างกายมีสัดส่วนที่สวยงาม ไม่ใช่ดูดจากใหญ่ๆ ให้เล็กลง เพราะการดูดไขมันในปริมาณมากๆ จะดูดไม่ได้ นอกจากจะดูดมากๆ ยังมีความเสี่ยง ทำให้ผิวหนังไม่เรียบ เกิดภาวะแทรกซ้อนได้

ปัจจุบันการดูดไขมันมีการพัฒนาไปมากแล้ว สมัยก่อนเริ่มต้นจะดูดสดๆ เลย เข้าไปปุ้บจะดูดเลย หรืออาจจะเอาน้ำผสมยาฉีดเข้าไปทำให้เส้นเลือดฝอยหดตัว ทำให้เลือดออกไม่เยอะ จะดูดได้น้อยและบาดเจ็บเยอะ เพราะอาจไปโดนเส้นเลือดใต้ประสาททำให้เกิดการช้ำบวมเยอะ และผิวไม่เรียบ การดูดไขมันตอนนี้จะนำเครื่องไปสลายไขมันก่อนดูดจึงลดความเสี่ยงลงได้

ถ้าเรากินเยอะโอกาสไขมันสะสมก็จะเปิดขึ้นได้อีกในเซลล์ไขมันที่ยังเหลืออยู่ เพราะในเซลล์ไขมัน 1 เซลล์ มันสะสมไขมันได้เป็นหลายร้อยเท่า ดังนั้นถ้ากินเยอะๆ มันก็มีโอกาสกลับมาได้”

 

คุณหมอยังบอกอีกว่าดูดไขมันนั้นมีความเสี่ยอยู่แล้วทั้งเสี่ยงติดเชื้อ บวมช้ำ ผิวหนังไม่เรียบ พังผืดเกาะแข็ง

“เราต้องดูด้วยว่าตัวเราเหมาะแก่การดูดไขมันหรือไม่ ไม่ใช่ว่าอ้วนมากๆ แล้วอยากไปดูดไขมันให้ผอม อันนี้ผิดวัตถุประสงค์เลย เพราะการดูดไขมันมีข้อเสียข้อเสี่ยงอยู่คือ ภาวะแทรกซ้อนบ้าง เช่น ผิวหนังอักเสบ ติดเชื้อ บวมช้ำ มีน้ำเหลืองคั่ง เลือดคั่งต้องมาเจาะออก หรือผิวหนังไม่เรียบ จะเจอเยอะสุดเลย ยิ่งหากเป็นรายที่ต้องดูดไขมันเยอะๆ ผิวหนังข้างล่างจะไม่เรียบ ต้องมีบางบริเวณลูบไปแล้วไม่เรียบ แข็ง ต้องมานวด กว่าจะหายก็นาน เหมือนกับมีพังผืดอยู่ข้างใน

เราอย่าไปตามกระแสมากเพราะคนส่วนใหญ่จะตกเป็นเป้าในการโฆษณาโดยไม่รู้ตัว คิดว่าการดูดไขมันอะไรก็ปลอดภัยใครๆก็ทำได้ บางทีมันเป็นการโฆษณาแอบแฝง ต้องไม่เฮไปตามกระแสต่างๆ ตรงนั้น บางทีเราอาจจะไม่ใช่คนที่เหมาะที่สุดในการดูดไขมัน นอกจากไม่ได้ผลประโยชน์ที่ดีกลายเป็นกว่าเกิดภาวะแทรกซ้อนต่อตัวเรา มันจะยิ่งแย่ และบางอย่างเกิดแล้วจะแก้ไม่ได้ มันจะไม่คุ้ม ถ้าจะทำก็ควรเลือกสถานที่ที่น่าเชื่อถือได้”

คุณหมอนพรัตน์ย้ำว่าวิธีที่ดีสุดในการลดไขมันคือ การออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร น้ำหนัก สุขภาพดี ผอมด้วย

 

ขอบคุณที่มา ผู้จัดการออนไลน์

เรื่องน่าสนใจ