โรคภูมิแพ้ หรือโรคแพ้ คือสภาวะที่ผิดปกติของร่างกายของแต่ละคน ที่มีปฏิกริยาต่อต้านสิ่งแปลกปลอมอย่างผิดปกติ เมื่อได้รับสิ่งแปลกปลอมนั้นซ้ำหลายๆ ครั้ง สารที่ทําให้เกิดอาการแพ้ เรียกว่าสารก่อภูมิแพ้ (a llergen หรือ elecitor) เป็นแอนติบอดีที่เซลสร้างขึ้น เพื่อต่อต้านสารแปลกปลอม ซึ่งจะมีผลต่อการเกิดโรคภูมิแพ้นั่นเอง
โรคภูมิแพ้ เกิดจากสารก่อภูมิแพ้ ที่มักเป็นสารโปรตีน ไกลโคโปรตีน โปลีเปปไทด์ หรือโปลี แซคคาไรด์ ซึ่งมีน้ำหนักโมเลกุลไม่น้อยกว่า 10,000 ดาลตัน สารก่อภูมิแพ้บางอย่างมีน้ำหนัก โมเลกุลน้อย ไม่ทําให้เกิดการแพ้ แต่ถ้าสารนี้รวมกับโปรตีนในกระแสเลือด จะมีขนาดโมเลกุลโตขึ้น สามารถกระตุ้นให้ร่างกายสร้างแอนติบอดี้ได้
คนส่วนใหญ่มักมีความเข้าใจผิดว่า โรคภูมิแพ้ คือโรคที่เกิดจากการที่ร่างกายมีภูมิต้านทานน้อย แต่ในความเป็นจริงแล้ว โรคภูมิแพ้มีสาเหตุมาจากภูมิคุ้มกันบางตัวทํางานไวเกินเหตุ คือทํางานมากเกินไป ทําให้ไปต่อต้านกับสิ่งที่ไม่เกิดโทษต่อร่างกาย เช่น สารที่พบตามธรรมชาติ หรืออาหารที่ทานเข้าไป ซึ่งเมื่อมีการต่อต้านขึ้น ย่อมทําให้เกิดความเสียหายตามมา
สาเหตุของโรคเกิดจากสารแพ้ หรือที่เรียกว่า Alergen โดยสารที่ทําให้แพ้ที่พบเห็นกันได้บ่อยๆ ได้แก่ ฝุ่นบ้าน เกสรดอกไม้ รังแคสัตว์ โปรตีนจากสัตว์ ยาปฏิชีวนะ เช่น Penicillin, Streptomycin สารแพ้ดังกล่าว ต้องมีคุณสมบัติเฉพาะตัว คือมีขนาดเล็ก สามารถละลายน้ำได้ และมีความคงตัว
ภาวะช็อค
ส่วนใหญ่เกิดจากการได้รับสารก่อภูมิแพ้โดยการฉีด ทําให้หลอดเลือดขยายทั่วร่างกาย รวมถึงทําให้ความดันเลือดต่ำลงในทันที สุดท้ายเกิดการช็อค (Shock) เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเร็วมาก บางรายคนไข้ช็อคตายโดยยังไม่ทันได้ดึงเข็มฉีดยาออกจากร่างกายด้วยซ้ำ
โรคหอบหืด (Bronchial asthma)
ส่วนใหญ่เกิดจากการหายใจเอาสารแพ้ (Allergen) เข้าไปในร่างกาย จนทําให้ Mastcel (เซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันต้านทานโรคของร่างกาย) ปล่อย Histerine (สารเคมีที่เป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง) และสารเคมีอื่นๆ ออกมา โดยไปทําให้กล้ามเนื้อเรียบที่หลอดลมหดตัว หลอดเลือดฝอยขยายตัว และทําให้ต่อมเมือก หลั่งสารเมือกออกมา จึงทําให้เกิดอาการหายใจไม่ออก
หวัดเรื้อรัง หรือจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ (Allergic rhinitis)
เกิดจากการได้รับสารแพ้เข้าไปไม่มากนัก เกิดอาการเพียงหลอดเลือดที่จมูกขยายตัว และมีน้ำมูกไหล
ลมพิษ (Urticaria)
อาจเกิดจากการได้รับสารแพ้ทางผิวหนัง เช่น ไปสัมผัสกับเกสรหญ้า หรือจากการทานอาหาร บางคนอาจแพ้อาหารทะเล เช่น กุ้ง ปู ปลา เป็นต้น รวมไปถึงยาทุกชนิด ก็สามารถก่อให้เกิดอาการลมพิษได้ ผู้ป่วยที่เป็นลมพิษ จะมีเพียงเส้นเลือดฝอยตามผิวหนังเกิดการขยายตัว จึงเห็นเป็นผื่นแดงขึ้น
โรคภูมิแพ้ทางตา (Allergic Conjunctivitis)
อาการภูมิแพ้ อาจเกิดกับเยื่อบุตาได้ เนื่องจากตาเป็นอวัยวะที่มีเลือดไปเลี้ยงมาก เส้นเลือดเหล่านี้ตอบสนองต่อสารภูมิแพ้ได้ง่าย และที่สําคัญ ตาเป็นอวัยวะที่สัมผัสกับสภาพแวดล้อมภายนอกโดยตรง เมื่อได้สัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ เช่น เกสรดอกไม้ ฝุ่น รังแคสัตว์ ยา ควันบุหรี่ สารภูมิแพ้เหล่านั้น จะละลายในน้ำตา และกลับสู่เยื่อบุตา ซึ่งจะสร้างสารต่อต้านสารภูมิแพ้ ส่งผลให้เกิดการหลั่งของสารคัดหลั่งที่ทําให้เกิดอาการภูมิแพ้ขึ้น ซึ่งจะทําให้ตามีอาการเคือง ตาแดง และมีน้ำตาไหล
อาการภูมิแพ้จากการแพ้อาหาร (Food allergy)
การแพ้อาหาร เป็นโรคที่เกิดจากการแพ้โปรตีนของอาหาร โดยที่เมื่อโปรตีนผ่านผนังลําไส้ เกิดจากเมื่อทานอาหารอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น นม ไข่ อาหารทะเลแล้ว ทําให้เกิดอาการแพ้ขึ้น ซึ่งอาการแพ้สามารถแสดงออกในหลายระบบ ได้แก่ ระบบทางเดินอาหาร(โดยมีอาการคลื่นไส้อาเจียน) ระบบทางเดินหายใจ (มีอาการคัดจมูก หายใจลําบาก หอบ) และอาการทางผิวหนัง เช่น มีผื่นขึ้น หรืออาจเป็นลมพิษตามตัว โดยในรายที่มีอาการมาก ก็มีโอกาสช็อกตายได้
ถึงแม้ในปัจจุบัน จะมียาที่มีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมอาการของโรคภูมิแพ้ แต่ส่วนมากเป็นเพียงการรักษาตามอาการ มีข้อที่น่าสังเกตว่า ประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้ ส่วนหนึ่งไม่ได้รับการถ่ายทอดยีนแพ้จากบรรพบุรุษ แต่เป็นโรคภูมิแพ้จากสาเหตุของสิ่งแวดล้อม เนื่องจากสภาพแวดล้อมของบ้านเมืองเราในปัจจุบัน มีสารพิษปะปนในปริมาณสูงขึ้นเรื่อยๆ จึงพบว่าคนเป็นโรคภูมิแพ้นับวันจะเพิ่มจํานวนมากขึ้น เราจึงควรช่วยกันปรับปรุงสิ่งแวดล้อมให้ถูกสุขลักษณะ จะเป็นทางหนึ่งที่หลีกเลี่ยงหรือป้องกันโรคภูมิแพ้ได้ดีค่ะ
เนื้อหาโดย Dodeden.com