ระยะหลังที่ผ่านมาคลินิกความงาม ศัลยกรรมมีมากขึ้นหลายเท่าตัว ดังนั้นเพื่อการแข่งขันดึงลูกค้ามาใช้บริการการทำการตลาดก็เริ่มดุเดือน งัดกลยุทธ์ทุกอย่างมาใช้ ไม่ว่าจะเป็น การจัดโปรโมชั่น โปรโมทบุคลากรทางการแพทย์ หรือแม้แต่การนำเสนอวัสดุที่ใช้ก็เคลมว่าดีกว่าที่อื่น อย่างการเสริมจมูกเองจริงๆแล้วต้องเน้นที่ฝีมือแพทย์เป็นหลักนั้น ก็ยังจะสร้างจุดเด่นด้วยการโปรโมทตัวซิลิโคนที่เรียกได้ว่าใช้ของดีที่สุด
ซึ่งก็มีตั้งแต่ ซิลิโคนของ อเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี บราซิล(นี่คือล่าสุดเลย) แต่ที่คลินิกต่าง ๆ เน้นโปรโมทนั่นก็คือ ซิลิโคนแบบนิ่มสุด ๆ เกรดพรีเมี่ยม AAA+ เป็นต้น แต่ที่เห็นแล้วต้องสะดุดกับคำเคลมที่ว่า ซิลิโคนนั้นบิดได้หลังเสริมไปแล้วแลเหมือนจมูกจริงมากสามารถทำจมูกหมู(ดันจมูกขึ้นด้านบน)ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ซึ่งโดดเด่นก็เข้าใจว่า คนที่เสริมจมูกไปแล้วนั้นก็อยากได้จมูกที่ดูเป็นธรรมชาติไม่หลอกตาดูเนียนไปกับใบหน้าไม่เห็นเป็นแท่งแข็งเป็นสันเขื่อน แต่ก็ไม่เข้าใจว่าต้องต้องบิดจมูกโชว์ เพื่อสร้างความเข้าใจว่าจมูกนี้คือธรรมชาติไม่ได้ทำ ซึ่งนั่นคือการโกหก
การที่ซิลิโคนนิ่มนั้นก็มีข้อดีที่จะทำให้จมูกนั้นแลดูเป็นธรรมชาติมากกว่าซิลิโคนที่แข็ง แต่จะบอกอะไรอย่างหนึ่งว่า จมูกคนปกติ ก็ไม่ได้บิดโชว์กันอยู่แล้ว และที่สำคัญคือ จากที่โดดเด่นได้คุยกับอาจารย์หมอ รวมถึงคุณหมอที่ฝีมือ และประสบการณ์ในการเสริมจมูกมาเป็นสิบๆปี ก็จะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ทำไมต้องไปบิดจมูกโชว์กันแบบนั้นด้วย ซึ่งแต่ละท่านไม่เห็นด้วยกับการโปรโมทแบบนี้
อาจารย์หมอ และคุณหมอหลายท่านแสดงความเห็นว่า ซิลิโคนเสริมจมูก คือ สิ่งแปลกปลอมชนิดหนึ่ง ซึ่งร่างกายจะมีการต่อต้านอยู่แล้ว แต่เนื่องจากวิวัฒนาการของซิลิโคนเสริมจมูก ทำให้ร่างกายยอมรับได้ แต่ก็มีบางคนที่ร่างกายต่อต้าน ซึ่งก็แทบจะเป็น 1 ใน 100
หลังจากที่ได้เสริมจมูกไปแล้ว ซิลิโคนจะต้องแนบกับกระดูก ซึ่งถ้าไม่แนบ ก็จะทำให้ซิลิโคนขยับได้ เอียง เบี้ยวได้นั่นเอง การที่คุณไปบิดมัน จะทำให้ซิลิโคนไม่แนบอย่างหนึ่งแล้ว และจะทำให้เนื้อเยื่อภายในจมูกของคุณอักเสบได้ เพราะว่า ซิลิโคนไม่ใช่เนื้อเยื่อของมนุษย์ มันจะมีความแข็ง หรือความคมของมันอยู่
ซึ่งถ้าเราเอาออกมาข้างนอก แล้วเอามือถูไปมา จะไม่รู้สึกเจ็บ เพราะว่า เรามีผิวหนังที่ป้องกันอยู่ แต่ภายใน เราจะไม่ทราบเลยว่า หลังจากที่ซิลิโคนไปเสียดสีเนื้อเยื่อแล้ว มันจะอักเสบมากน้อยแค่ไหน ถ้าเลือดออกภายใน เลือดก็จะคลั่งอยู่ข้างใน ไหลออกมาไม่ได้ แล้วจะกลายเป็นเลือดเสีย มันจะก่อให้เกิดเชื้อโรคที่อยู่ภายในได้ บางทีจมูกจะบวม ๆ ยุบ ๆ กินยาแก้อักเสบก็หาย แต่มันจะไม่หายขาด
แต่ในเคสไหนถ้าไม่มีการอักเสบ ถือว่า คุณโชคดีมากไม่ต้องเจ็บตัวไปแก้ใหม่
หลังจากที่เสริมจมูก ซิลิโคนเข้ามาอยู่ในจมูกของคุณแล้ว ระห่างที่รอให้มันยุบเข้าที่เข้าทาง รู้หรือไม่ ที่จมูกจะมีพังพืดขึ้นมารัดแกนซิลิโคน ซึ่งพังพืดนั้นมีพลังในการรัดค่อนข้างเยอะทีเดียว
พังพืดที่แข็งแรง มีพลังในการรัดนั้น ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นกับผู้ชาย ส่วนผู้หญิงก็พอจะมีบ้างเหมือนกัน ในกรณีที่ร่างกายแข็งแรง ซึ่งคุณหมอก็ไม่สามารถที่จะบอกได้แบบชี้ชัดว่าพังพืดของใครบ้างที่แข็งแรง และมีพลังในการรัดซิลิโคนแรงมากน้อยต่างกันแค่ไหน จะต้องรอให้จมูกยุบหมด อยุ่ในช่วงระยะเวลาภายใน 1-3 เดือนแล้วแต่เคสซึ่งแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน
สำหรับซิลิโคนที่นิ่มมาก จนบิดไปมาได้นั้น ถ้าได้เจอกับพังพืดที่แข็งแรง จะมีผลเป็นอย่างไร บางคนอาจจะไม่เคยรู้
มีอาจารย์หมอท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่า มีคนไข้จะมาแก้จมูกกับท่าน แต่ท่านเห็นจมูกแล้วถึงกับตกใจไม่คิดว่าจะบิดเบี้ยวได้ขนาดใกล้เคียงกับตัว S เลย เมื่อสอบถามคนไข้ก็ได้ความว่าเลือกเสริมจมูกด้วยซิลิโคนนิ่มพิเศษที่คลินิกแห่งนั้นที่บอกว่าสามารถบิดได้เป็นธรรมชาติเหมือนจมูกจริง
ในบางกรณีถ้าคนที่ไปทำซิลิโคนนิ่มมากๆแบบบิดได้เวลาไม่แสดงอารมณ์บนใบหน้าหรือทำหน้าเฉย ๆ จะไม่เบี้ยวหรือเอียง แต่ถ้ามีการแสดงสีหน้า ก็จะทำให้เห็นว่า ซิลิโคนนั้นบิดเอียงหรือเบี้ยวไปข้างได้ข้างหนึ่งได้ ซึ่งถ้าเป็นคนปกติ ถ้าเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้น โดดเด่นคิดว่า ก็คงจะต้องไปแก้แน่นอน เพราะว่ามันทำให้ตัวคุณเองเสียบุคลิก เกิดความไม่มั่นใจจนไม่อยากแสดงอารมณ์บนใบหน้า จะรู้สึกว่าคนต้องมองแปลกๆแน่ และแน่นอนเวลาเกิดปัญหาไปแก้ไขจมูกราคาก็ต้องแพงว่าเสริมใหม่เป็นธรรมดา และคิดว่าจมูกแบบบิดได้ที่ทำมาราคาก็ไม่ถูกด้วยเช่นกัน
จริงๆแล้วอย่างที่โดดเด่นนำเสนออยู่ตลอดมาคือการหาข้อมูลให้ดีอย่าเชื่อเพียงคำโฆษณา ปรึกษาแพทย์หลายๆที่ เพราะการที่เสริมจมูกแล้วจะสวยนั้นแพทย์ต้องเก่งมีประสบการณ์เชียวชาญ ที่จะเนรมิตรูปทรงซิลิโคนออกมาได้สวย ไม่ใช่แค่ซิลิโคนที่ใส่เข้าไปแล้วจะสวย ถึงแม้จะนิ่มมากๆ ก็สามารถเกิดปัญหาได้เช่นกัน อีกทั้งทำออกมาแล้วไม่สวยก็มีถมไป
สนใจหาข้อมูลและปรึกษาศัลยกรรมได้ที่นี่