ผู้สื่อข่าวโดดเด่นดอทคอม รายงานว่า วันนี้ ( 26 ม.ค.) นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า โรคไข้เลือดออก เป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทยและหลายประเทศทั่วโลก ผู้ติดเชื้อบางรายอาจมีอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตจึงมีการวิจัยพัฒนาวัคซีน เพื่อป้องกันโรคนี้มาอย่างต่อเนื่องยาวนานจนถึงปัจจุบัน
ในขณะเดียวกันกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดย สถาบันชีววัตถุ ซึ่งเป็นหน่วยงานควบคุมกำกับภาครัฐด้านวัคซีนและชีววัตถุมีหน้าที่รับรองรุ่นการผลิตและการวิเคราะห์ตรวจสอบผลิตภัณฑ์วัคซีนและยาชีววัตถุในห้องปฏิบัติการ
โดยเฉพาะวัคซีนจะต้องมีการควบคุมรุ่นการผลิตทุกครั้งก่อนจำหน่ายและในการขึ้นทะเบียนวัคซีนทั่วไป สถาบันชีววัตถุจะทำหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญให้กับสำนักคณะกรรมการอาหารและยา โดยตรวจสอบเอกสารตำรับด้านคุณภาพ ตั้งแต่การผลิตจนถึงผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป พร้อมตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างวัคซีนทางด้านเคมี-ฟิสิกส์ ความปลอดภัย ความเป็นเอกลักษณ์ ความแรง และความคงตัว เพื่อให้มั่นใจว่าวัคซีนมีคุณภาพและความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล
วัคซีนไข้เลือดออก หรือวัคซีนเดงกี่ ได้ผ่านการขึ้นทะเบียนในประเทศไทย เมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2559 โดยสถาบันชีววัตถุได้ประเมินเอกสารตำรับด้านคุณภาพและการวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการของ 2 ผลิตภัณฑ์ คือวัคซีน DENGVAXIA ขนาดบรรจุ 1 โด๊ส และวัคซีน DENVAXIA MD ขนาดบรรจุหลายโด๊ส
สำหรับวัคซีน รุ่นการผลิตแรกที่นำเข้าเพื่อใช้ในประเทศไทยเป็นวัคซีน DENGVAXIA ขนาดบรรจุ 1 โด๊ส จำนวน 1 รุ่นการผลิต ซึ่งได้รับการรับรองให้อนุญาตจำหน่ายจากสถาบันชีววัตถุ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2559
นายแพทย์สุขุม กล่าวต่ออีกว่า วัคซีนไข้เลือดออกชนิดแรกของโลกที่ผลิตโดย บริษัท ซาโนฟี่ ปาสเตอร์ จำกัด ประเทศฝรั่งเศส เป็นวัคซีนเชื้อเป็นลูกผสม (live chimeric vaccine) ที่ใช้เทคนิคการตัดต่อยีนของไวรัสเดงกี่ 4 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ 1, 2, 3 และ 4 (Den-1, DEN-2, DEN-3 and DEN- 4 serotypes) เข้ากับยีนของไวรัสไข้เหลือง พัฒนาเป็นไวรัสลูกผสมสายพันธุ์วัคซีน 4 สายพันธุ์ที่สามารถเพาะเลี้ยงได้ในเซลล์วีโรที่ใช้ผลิตวัคซีน
โดยวัคซีนทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์ เป็นวัคซีนผงแห้ง มีอายุ 3 ปี เก็บไว้ที่อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส ใช้ในคนอายุ 9-45 ปี ใช้สำหรับฉีดใต้ชั้นผิวหนัง โดยให้วัคซีน 3 เข็ม ฉีดห่างกันเข็มละ 6 เดือน วัคซีนสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันโรคได้ครอบคลุมไวรัสไข้เลือดออกทั้ง 4 สายพันธุ์ในระดับที่แตกต่างกัน
จากข้อมูลการศึกษาทางคลินิกในระยะที่ 3 ประสิทธิภาพของวัคซีนได้ผลดีสำหรับ เดงกี่ไวรัสสายพันธุ์ 3 และ 4 คือ 73.6% และ 83.2% ได้ผลปานกลางสำหรับเดงกี่ไวรัสสายพันธุ์ 1 คือ 58.4% ได้ผลน้อยสำหรับ เดงกี่ไวรัสสายพันธุ์ 2 เพียง 47.1% ประสิทธิภาพวัคซีนโดยรวมเท่ากับ 65.6% และวัคซีนสามารถลดการนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลได้มากกว่า 60%
ปัจจุบันวัคซีนนี้ได้ขึ้นทะเบียนแล้วใน 13 ประเทศ รวมทั้งประเทศไทย
วัคซีนไข้เลือดออก เป็นความหวังเริ่มต้นสำหรับกลุ่มเด็กโตและผู้ใหญ่มากกว่าเด็กเล็ก โดยเฉพาะในคน ที่เคยติดเชื้อไข้เลือดออกเดงกี่มาก่อนจะได้ผลดี แต่ได้ผลน้อยในเด็กเล็ก จึงกำหนดให้วัคซีนในช่วงอายุ 9-45 ปี
นอกจากนี้วัคซีนไข้เลือดออกจะมีประโยชน์สำหรับคนที่อยู่ในภูมิภาคเขตร้อนที่มีการระบาดของโรคและอาจจะเป็นประโยชน์น้อยในประเทศที่ไม่มีการระบาดของโรคไข้เลือดออก
แต่การติดตามในระยะยาวยังคงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ถูกต้องเกี่ยวกับผลของวัคซีนไข้เลือดออกต่อประสิทธิผลในการช่วยลดความรุนแรงของโรคไข้เลือดออก และเพื่อดูว่าภูมิต้านทานโรคจะอยู่ได้นานสักเท่าไร
อย่างไรก็ตาม การป้องกัน โรคไข้เลือดออกที่ดีที่สุด คือ ประชาชนต้องป้องกันตัวเองไม่ให้ยุงกัดและกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายทั้งในและ นอกบ้าน สวมเสื้อผ้าให้มิดชิด ทายาป้องกันยุงกัด นอนกางมุ้ง หากมีอาการไข้สูงเฉียบพลัน ให้เช็ดตัวลดไข้ ยาลดไข้ที่ปลอดภัย คือ พาราเซตตามอล ไม่ควรซื้อยาแก้ปวดหรือยาแก้อักเสบมารับประทานเอง เพราะอาจทำให้อาการแย่ลง ถ้าอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2 วัน ควรไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทันที