รอยเตอร์ – คิม บอกซุน ไม่เคยพอใจกับจมูกตัวเอง และฝันไว้ว่าสักวันหนึ่งจะสามารถศัลยกรรมเปลี่ยนแปลงให้จมูกของเธอดูดี ภายหลังรับเอาความเชื่อของชาวเกาหลีที่ว่า การมีจมูกเชิดขึ้นจะทำให้สร้างฐานะให้ร่ำรวยได้ยาก
ขณะนั่งรอในร้านทำผม เธอก็เหลือบไปเห็นโฆษณาคลินิกรับทำศัลยกรรมตกแต่งในนิตยสารฉบับหนึ่ง จึงตัดสินใจเข้ารับบริการ โดยไม่ฟังเสียทัดทานจากครอบครัว
การทำศัลยกรรมตกแต่งเป็นสิ่งที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปมากพอๆ กับร้านตัดผม ที่เกาหลีใต้ ซึ่งเป็นดินแดนที่ประชาชนมองว่า รูปลักษณ์อันสวยงามสมบูรณ์แบบเป็นหนทางในการพัฒนาคุณภาพชีวิต รวมถึง โอกาสในหน้าที่การงาน และการหาคู่ครอง
ศัลยแพทย์ของ คิม กล่าวว่า เขาสามารถพลิกโฉมเธอให้ดูเหมือนคนดัง คิมจึงตัดสินใจเสี่ยง ด้วยการทำเรื่องขอกู้ และเธอได้ทุ่มเงิน 30 ล้านวอน (ราว 9 แสนบาท) ซื้อคอร์สศัลยกรรมใบหน้า 15 จุดในวันเดียว
เมื่อแกะผ้าพันใบหน้าออกแล้วส่องกระจก เธอก็รับรู้ถึงความผิดปกติบางอย่างที่เกิดขึ้นในทันที จากนั้นก็พบความจริงว่า หมอที่ทำศัลยกรรมให้เธอไม่ได้มีความเชี่ยวชาญด้านการทำศัลยกรรมตกแต่ง
5 ปีต่อมา คิมต้องเผชิญกับปัญหาทางการแพทย์ต่างๆ นานา และไม่สามารถหลับตา หรือทำให้น้ำมูกตัวเองหยุดไหลได้ หญิงม่ายที่ผ่านการหย่าร้างวัย 49 ปีผู้นี้เผยว่า เธอถูกเลิกจ้างและกลายเป็นโรคเครียด
คิม กล่าวทั้งน้ำตาในห้องพักเล็กๆ ของเธอที่แฟลตแห่งหนึ่งในกรุงโซล ขณะรายล้อมไปด้วยภาพถ่ายใบหน้าก่อนและหลังทำศัลยกรรมว่า “เป็นเรื่องเลวร้ายมาก ที่คนอื่นไม่กล้ามองดูหน้าเรา”
“นี่ไม่ใช่หน้าคน มันน่าขยะแขยงยิ่งกว่าปิศาจหรือเอเลียนเสียอีก”
ข้อมูลจากศาลแขวงกลางกรุงโซลเผยให้เห็นว่า แพทย์ที่เป็นผู้ทำศัลยกรรมให้คิม มีคดีอาญาติดตัว โดยถูกตั้งข้อหาละเมิดกฎหมายการแพทย์ โดยการฟ้องร้องดำเนินคดีเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2009 หลังจากคนไข้หลายคนรวมทั้ง คิม แจ้งจับเขา ทางด้านทนายความของศัลยแพทย์ผู้นี้ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์รอยเตอร์
หน่วยงานควบคุมและต่อต้านการผูกขาดของเกาหลีใต้ระบุว่า กระแสความนิยมในอุตสาหกรรมศัลยกรรมตกแต่งในเกาหลีใต้ที่สร้างเม็ดเงินมหาศาลถึง 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 4 ของตลาดศัลยกรรมตกแต่งโลก กำลังเผชิญกับกระแสตอบโต้ โดยผู้เดือดร้อนพากันทำหนังสือร้องเรียนว่า ตกเป็นเหยื่อการศัลยกรรมที่ผิดพลาด และเมื่อปี 2013 พบว่า มีแพทย์ที่ไม่น่าเชื่อถือเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าตัวจากหนึ่งปีก่อนหน้านั้น
ศัลยแพทย์ตกแต่งบางคนกล่าวว่า ความหวั่นเกรงด้านความปลอดภัยอาจกลายเป็นอุปสรรคขัดขวางตลาดการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical tourism) ที่เป็นธุรกิจน้องใหม่ แต่เติบโตเร็วของเกาหลีใต้ ที่สามารถดึงดูดชาวต่างชาติเข้าสู่เกาหลีใต้มากมาย โดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวจากจีน
คำร้องเรียนต่างๆ ที่เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจโสมขาวได้รับนั้นมีตั้งแต่ปัญหาแพทย์ไม่ได้คุณภาพ ไปจนถึงการทำการตลาดที่ก้าวร้าวรุนแรงเกินควร และมีการว่าจ้าง “หมอเถื่อน” ให้ทำการศัลยกรรมคนไข้ที่หมดสติไปเพราะฤทธิ์ยาแทนที่แพทย์ที่มีคุณสมบัติมากกว่า
ชา ซัง-มยุน ประธานสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเกาหลี ซึ่งเป็นตัวแทนของศัลยแพทย์ตกแต่ง 1,500 คน กำลังเป็นกังวลในเรื่องชื่อเสียง โดย ชา และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบางส่วนก็อยู่ในบรรดาผู้ที่เคลื่อนไหวเรียกร้องให้มีการกำกับดูแลที่รัดกุมขึ้น และการออกกฎควบคุมการโฆษณาที่เข้มงวดกว่าเดิม
*** หมอเถื่อน ***
ในคดีอื้อฉาวเมื่อเดือนธันวาคม ปีที่แล้ว มีเด็กนักเรียนมัธยมปลายคนหนึ่งมีอาการโคมา หลังจากเข้ารับการศัลยกรรมเสริมจมูกและทำ “ตาสองชั้น” เพื่อให้ตาดูโตขึ้น
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่สมาคมระบุว่า สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเกาหลีได้เข้าตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าว และพบว่าโรงพยาบาลที่รับทำศัลยกรรมให้เธอได้ว่าจ้างหมอเถื่อน และส่งฟ้องคดีนี้ต่ออัยการ แต่จนถึงตอนนี้อัยการก็ยังสอบสวนคดีนี้ไม่แล้วเสร็จ และยังไม่มีผู้ใดถูกนำตัวมาดำเนินคดี
บรรดานักวิจารณ์ลงความเห็นว่า กฎหมายที่ไม่เข้มงวด การโฆษณาที่อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง และการที่สังคมหมกมุ่นกับรูปลักษณ์ภายนอก เป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันให้ธุรกิจประเภทนี้เฟื่องฟู
ข้อมูลของรัฐบาลโสมขาวชี้ว่า เกาหลีใต้เป็นที่ตั้งของคลินิกศัลยกรรมตกแต่งกว่า 4,000 แห่ง และมีอัตราการทำศัลยกรรมเพื่อความงามสูงที่สุดในโลก โดยพบว่ามีผู้เข้ารับการผ่าตัดแปลงโฉมเป็นสัดส่วน 13 ต่อ 1,000 คน จากจำนวนประชากรเกาหลีใต้ทั้งหมด 49 ล้านคน
ข้อมูลของรัฐบาลโซลชี้ด้วยว่า ความรุ่งโรจน์ของอุตสาหกรรมศัลยกรรมตกแต่งนั้นกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยมีชาวจีนเดินทางไปทำศัลยกรรมที่เกาหลีใต้เพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่าตัวในช่วงปี 2011 ถึง 2013
ชา ซึ่งมีประสบการณ์ทำศัลยกรรมตกแต่งให้คนไข้นานกว่า 2 ทศวรรษกล่าวว่า “การโฆษณามากเกินเหตุทำให้คนคิดไปว่าศัลยกรรมคือโภคภัณฑ์ ประชาชนพากันคิดว่า การทำศัลยกรรมตกแต่งก็เหมือนการไปช็อปปิ้ง”
เขากล่าวว่า “แต่ศัลยกรรมตกแต่งก็เป็นศัลยกรรมรูปแบบหนึ่ง ที่ทำให้ชีวิตคุณเสี่ยงอันตรายได้เหมือนกัน”
หญิงคนหนึ่งที่เข้าประกวดนางสาวเกาหลี เมื่อช่วงทศวรรษที่ 1980 ก็เข้ารับการผ่าตัดเสริมหน้าอกเมื่อปี 2008 ด้วยหวังว่า การทำเช่นนี้จะช่วยให้เธอมีโอกาสหาสามี
พัค หญิงวัย 50 ปีที่ผ่านการหย่าร้าง และขอเปิดเผยเพียงนามสกุล ได้ผ่านการมือหมอคนเดียวกับ คิม และเนื่องจากเธอมีอาการติดเชื้อหลังศัลยกรรมมากมาย ทำให้ทรวงอกข้างขวาของเธอมีขนาดเพียงครึ่งเดียวของข้างซ้าย
เธอเล่าว่า “ดิฉันเสียใจมากจนพยายามฆ่าตัวตายถึง 2 ครั้ง การทำศัลยกรรมตกแต่งเหมือนยาเสพติด ถ้าคุณศัลยกรรมดวงตาแล้ว คุณก็จะอยากศัลยกรรมจมูก และหมอก็จะบอกว่า ‘คุณยังสวยไม่พอ’ เพื่อให้คนทำศัลยกรรมเพิ่มขึ้นอีก”
ที่มา ผู้จัดการ