หากกล่าวถึงนักแสดงตลกหญิงของไทย หลายคนต้องนึกถึง “เจเน็ต เขียว” ที่ตั้งชื่อเลียนแบบ “เจเน็ต แจ็กสัน” และมีลีลาการร้องเพลงที่ไม่เป็นรองใคร เชี่ยวชาญการเลียนแบบนักร้องนักแสดงชนิดหาตัวจับยาก โด่งดังมาจากการแสดงก็อปปี้โชว์ตามสถานบันเทิงและรายการโทรทัศน์ต่างๆ

และที่โด่งดังตามกันมาติดๆ คือ “เห็ดเผาะ เชิญยิ้ม” นักแสดงตลกหญิงร่างอวบ เสียงหวาน ที่มีเนื้อเสียงเหมือนนักร้องดังของไทยหลายคน จนถูกแซวว่า…เสียงกับหน้าตาต่างกันสิ้นเชิง ตามติดด้วย “ยายแหว๋ว ดันดารา” นักแสดงตลกหญิงที่ชูคาเร็กเตอร์เป็น “หญิงชรา” แต่หัวใจวัยรุ่น

557000010323602

แต่ยังมีอีกหนึ่งนักแสดงตลก-นักร้องสาว…ที่กำลังมาแรงแซงทางโค้ง เอ่ยชื่อไปหลายคนย่อมรู้จัก และต้องกลั้นหัวเราะถึงท่าทางขบขัน มุขตลกแบบไม่ห่วงสวย ซึ่งมีแบบฉบับที่ไม่เหมือนใคร…เธอคนนี้คือ “เป็กกี้ ศรีธัญญา” หรือ “ดรุณี สุทธิพิทักษ์” สาวสุโขทัย ดาวรุ่งดวงใหม่ กับภาพลักษณ์เสียงดี ตลก ขี้เล่น สติแตก

แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า…กว่าเธอจะก้าวมาถึงวันนี้ ชีวิตนี้ต้องพบเจออะไรมาบ้าง!!!

“ตั้งแต่จำความได้เป็กอยู่ลำพังกับแม่เพียง 2 คน ไม่เคยเห็นหน้าพ่อสักครั้งเดียว เคยถามแม่ครั้งหนึ่งเรื่องพ่อ … คำตอบที่ได้คือ ‘แม่ร้องไห้’ เสียใจมาก แม้จะเป็นเด็ก แต่เรารู้เลยว่ามันเป็นคำถามที่เราไม่ควรถาม และเราก็ไม่เคยถามถึงเรื่องนี้อีกเลย

จากนั้นไม่นานช่วงที่เรียนอยู่ ม.3 หรือ ม. 4 (ไม่ค่อยแน่ใจ) คุณแม่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ตอนนั้นเหลือตัวคนเดียว รู้สึกว่าชีวิตนี้มันหมดสิ้นทุกอย่าง ไม่มีบ้าน ไม่มีเงิน ต้องออกจากโรงเรียน มาขออาศัยอยู่กับเพื่อน ชีวิตตอนนั้นลำบากมากเพราะเพื่อนก็จน พ่อ-แม่ของเพื่อนเป็นลิเก ต้องออกรับงานแสดงตามจังหวัดต่างๆ ทำให้ในบ้านเหลือเพียง ‘เรา-เพื่อน-น้องเพื่อน-แมว 1 ตัว’

โดยเขาจะทิ้งข้าวสารไว้ให้ ส่วนกับข้าวให้หาเอาเอง ส่วนใหญ่ก็จะเป็นไข่ต้ม มีอยู่ครั้งหนึ่งต้องอยู่กันตามลำพัง 1 อาทิตย์ กับข้าวมีเพียงปลากระป๋อง 1 กระป๋อง ต้องแบ่งกันกิน 3 คนกับอีก 1 ตัว มันคือที่สุดของชีวิต นอนร้องไห้คิดถึงแม่ทุกคืน มาถึงวันนี้หากมองย้อนกลับไป…ยังถามตัวเองว่า เราผ่านมาได้ยังไง”

557000010251702

เธอต้องอดทนอยู่แบบนั้นมาเกือบ 1 ปี กว่า “ลุง” ที่แทบไม่เคยเห็นหน้าเลย จะตามตัวจนพบ แล้วมารับไปอยู่ด้วยที่พัทยา และนั่นเองเสมือน “ฟ้าเปิดทาง” ให้เธอได้ฉายแววแสดงความสามารถที่มีอยู่…ออกมา

หลังจาก “เป็กกี้” มาอยู่กับลุง ซึ่งมีอาชีพทำเครื่องเสียง ทำวงดนตรี ก็กลายเป็นเด็กยกของ ตั้งเครื่อง และนักร้อง ซึ่งมันตรงกับสิ่งที่เธอรัก และยังมีโอกาสได้ร้องเพลงตามงานจ้างต่างๆ เป็นเหมือนการฝึกฝนให้เกิดความเชี่ยวชาญและช่ำชอง

“สมัยนั้นเขาเรียกว่า ‘ร้องอิเล็กโทน’ แต่เรารู้สึกว่าคนไม่ค่อยอยากดู เขาจะปรบมือแค่เพลงแรก เราคิดว่าถ้าเป็นแบบนี้…มันไม่สนุก เราอยากเห็นรอยยิ้มของคนที่มาดูเรา เลยไปหามุขตลกมาเล่า ขำบ้างไม่ขำบ้าง และปรับปรุงเรื่อยมา

จนวันนึงเราไปเที่ยวผับและมีโอกาสเจอกับ ‘เจเน็ต เขียว’ มันยิ่งเหมือนเปิดโลกกว้างยิ่งขึ้น เพิ่งรู้ว่ามีการแสดงแบบนี้ด้วยหรือ จากนั้นก็นำมาประยุกต์ใช้ในการแสดงของตัวเอง โดยของพี่เจเน็ต เขียว เป็นแนวก็อปปี้ แต่เราใช้วิธีล้อเลียน เน้นตลก ไม่ต้องเหมือนมาก ไม่ห่วงสวย ซึ่งได้ผลดีและเริ่มมีชื่อเสียงในวงการนักร้อง นักดนตรี”

กระทั่งมีรายการโทรทัศน์ช่องหนึ่ง เชิญให้ไปร้องเพลงเป็นครั้งแรก หลังเทปออกอากาศก็ได้รับการตอบรับค่อนข้างดี แต่ไม่มากเท่าที่เธอตั้งใจไว้ แต่ก็ได้ไปออกรายการเรื่อยๆ รวม 5 เทป ซึ่งยังไม่เป็นที่จดจำของคนดูมากนัก

จากนั้นก็มีผู้จัดละครและภาพยนตร์ติดต่องานเข้ามาเรื่อยๆ แต่เธอยังรักงานร้องเพลงอยู่ เธอบอกว่าตอนนั้น ชีวิตยังเรียกว่า “อยู่ขอบๆ หลืบๆ”

แต่การแสดงที่ทำให้ “เป็กกี้” เป็นที่รู้จักก็เกิดขึ้น…หลังจากที่เธอได้รับเชิญไปเป็น “เงาเสียง” ในรายการโทรทัศน์ช่องหนึ่ง

“ตอนนั้นไปรับอีเว้นท์บนดอย มีพี่ทีมงานติดต่อเราให้ไปเป็น ‘เงาเสียง’ ของ ‘หญิงลี’ ดีใจมาก…รีบนั่งรถขนหมูลงจากดอยอย่างทุลักทุเล ด้วยความที่เราไม่ได้นอน เลยคิดว่าไปแค่ยืนอยู่ตรงนั้นแล้วทำหน้าที่สร้างรอยยิ้ม สร้างเสียงหัวเราะให้คนดูน่าจะดีที่สุด คิดเสมอว่า เพลงเพราะๆ หาฟังที่ไหนก็ได้ แต่ฟังแล้วมีความสุขด้วย มันเป็นเรื่องยาก จึงใส่มุกแบบจัดเต็ม

557000010323603

ปรากฎว่าเมื่อเทปออนแอร์…เรตติ้งออกมาดีมาก คนรู้จักเราเพิ่มขึ้น หลังจากนั้นก็รับเชิญไปเป็น ‘เงาเสียง’ ของ ‘ใบเตย อาร์สยาม’ เลยตั้งใจว่า ‘ต้องดีกว่าครั้งแรก’ มุ่งมั่นครีเอตให้รายการออกมาดี ให้ทุกคนเห็นความสามารถของเรา ว่าเราร้องเพลงได้ เอนเตอร์เทนได้ แต่ด้วยความที่เราครีเอตมากไป ใส่ชุดขึ้นเวทีทีเดียว 3 ชุด รู้สึกว่าเกือบตายคาเวที หายใจไม่ออก เทปล่าสุดเป็น ‘เงาเสียง’ ของ ‘จ๊ะ คันหู’ ก็ยิ่งทำให้คนรู้จักเรามากขึ้น”

เป็กโชคดีที่ได้ทำงานที่ตัวเองรัก งานทุกอย่างหากเราตั้งใจทำ มุ่งมั่น ทุ่มเท สนุกกับงาน แม้เราจะไม่ได้ในสิ่งที่เราคาดหวัง แต่เราจะมีความสุข ที่ผ่านมาชีวิตมีอุปสรรคมากมาย แต่เป็กไม่เคยกลัว สู้ไม่เคยถอย เพราะไม่อยากกลับไปลำบากเหมือนในอดีต มันสยองขวัญมาก ใครหยิบยื่นโอกาสให้ จะรีบคว้าไว้ และทำให้ดีที่สุด

ส่วนตัวเชื่อว่า “ดวง” ก็เป็นตัวช่วยหนึ่ง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราจะประสบความสำเร็จคือ ความมุมานะ ความพยายาม ต้องเตรียมตัวให้พร้อม ต้องฝึกฝนตัวเองตลอดเวลา แม้อุปสรรคจะมีเข้ามาเรื่อยๆ มีร้องไห้ มีเสียใจ ล้มได้แต่ต้องรีบลุก รู้จักคุณค่าตัวเอง ภูมิใจในสิ่งที่เราเป็น มุ่งไปในจุดมุ่งหมาย สำเร็จหรือไม่สำเร็จ เราก็จะภูมิใจ เรื่องที่ไม่ดีถือเป็นบทเรียน เชื่อว่าถ้าวันนี้แม่ยังอยู่หรือรับรู้ได้ แม่จะต้องดีใจที่ลูกสามารถสู้มาได้จนถึงวันนี้ แม้เราจะไม่ดังเท่าคนอื่น แต่เราก็สามารถยืนได้ด้วยตัวของเราเอง

557000010323604

 

“ตัวจริงกับบนเวทีไม่ต่างกัน เป็นคนบ้าๆ บอๆ เพี้ยน สนุกสนาน รื่นเริง ชีวิตเหมือนหาสาระอะไรไม่ได้เลย เหมือนเด็กไม่ยอมโต เพราะเป็นคนไม่คิดอะไรมาก จนบางครั้งอาจจะแสดงอะไรจาบจ้วง ล่วงเกินท่านผู้ชมไปก็ต้องขออภัยด้วย ก็มีบางมุมที่เราจริงจัง อนาคตที่วางไว้…อยากมีเพลงของตัวเองสักเพลงที่ฮิตติดอันดับเหมือนคนอื่นเขาบ้าง ขอสักครั้งในชีวิต มันเป็นความฝันของนักร้องทุกคนมันเหมือนเป็นความสำเร็จของอาชีพนี้”เป็กกี้กล่าวทิ้งท้ายอย่างมีความหวัง

 

ที่มา www.dailynews.co.th

เรื่องน่าสนใจ