ผู้ป่วยโรคหัวใจ กับข้อควรระวังในการใช้ยารักษา เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพ เนื่องจากผู้ป่วยโรคหัวใจร้อยละ 90 จําเป็นต้องทานยาไปตลอดชีวิต จึงทําให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้ ต้องระมัดระวังตัวเองในการใช้ยาตัวอื่นๆ เพราะส่วนใหญ่แล้วผู้ป่วยโรคหัวใจ มักจะมีโรคอื่นๆ ร่วมด้วยเช่นกัน
ส่วนใหญ่แล้ว ผู้ป่วยโรคหัวใจมักจะมีโรคความดันโลหิตสูงร่วมด้วย แต่ก็ไม่ใช่ทุกคน ดังนั้น ผู้ป่วยในกลุ่มนี้ที่ต้องทานยารักษาโรคหัวใจไปตลอดนั้น จะต้อง ระมัดระวังการใช้ยาตัวอื่นๆ อย่างมาก และใช้ยาเมื่อจําเป็นจริงๆ เท่านั้น เพราะนอกจากหัวใจไม่ดีแล้ว ก็จะกระทบไปยังอวัยวะอื่นๆ ด้วย
ยาแก้ปวดที่ไม่ใช่สเตียรอยด์
เป็นยาในกลุ่มที่มีผลข้างเคียง คือทําให้เกิดการคั่งของน้ำและเกลือโซเดียมในร่างกายมากขึ้น ซึ่งปัญหานี้ จะไม่เกิดกับคนปกติที่แข็งแรงดี แต่จะสร้างปัญหากับผู้ป่วยโรคหัวใจ เนื่องจากเมื่อหัวใจไม่ปกติ ทําให้ค่อนข้างไวต่อปริมาณน้ำในเลือด หากใช้โดยไม่ปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกร อาจทําให้เกิดการสะสมของน้ำและเกลือโซเดียมในร่างกายเพิ่มขึ้น จนถึงจุดหนึ่งที่หัวใจอ่อนแอและรับไม่ไหว ก็จะทําให้เกิดความดันโลหิตสูง หัวใจต้องทํางานหนักมากขึ้น ถึงขั้นกระตุ้นหัวใจจนอาจเกิดหัวใจวายได้ ดังนั้น ผู้ป่วยโรคหัวใจที่จําเป็นต้องใช้ยาในกลุ่มนี้ แพทย์จึงมักให้หลีกเลี่ยงและจ่ายยาแก้ปวดกลุ่มอื่นทดแทน เช่น พาราเซตามอล ซึ่งปลอดภัยที่สุด แต่ถ้าจําเป็นต้องใช้ยาในกลุ่มนี้ ก็จะใช้ในระยะสั้นๆ เท่านั้น
ยาลดน้ำมูก
มีฤทธิ์ทําให้เส้นเลือดหดตัว ช่วยลดอาการแพ้ และทําให้ง่วง เพราะฉะนั้น คนที่เป็นความดันโลหิตสูง ถ้ากินยาลดน้ำมูกในปริมาณมาก ก็จะทําให้เส้นเลือดหดตัวลงไปอีก ดังนั้น ยาลดน้ำมูก ควรใช้เมื่อจําเป็นจริงๆ เท่านั้น
ยารักษาอาการไมเกรน
ต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะยาที่รู้จักในชื่อการค้าว่า คาเฟอร์กอต ซึ่งเป็นยาที่ทําให้หลอดเลือดหดตัว เพราะฉะนั้น คนที่เป็นความดันโลหิตสูง จะต้องระวัง บางครั้งถ้ากินในปริมาณมาก ใช้ผิดมากๆ ก็อาจจะทําให้เป็นกล้ามเนื้อตายได้
กล่าวโดยสรุปคือ ยาทั้ง 3 กลุ่มข้างต้นที่กล่าวไปนั้น ผู้ป่วยโรคหัวใจจําเป็นต้องระมัดระวังการทานยาเป็นอย่างมาก เพราะอาจเกิดผลข้างเคียงได้ ทําให้น้ำและเกลือโซเดียมในร่างกายเพิ่มมากขึ้น ยาเหล่านี้ อาจจะเพิ่มความเสี่ยงทําให้ผู้ป่วยโรคหัวใจเกิดกล้ามเนื้อหัวใจตายได้ จากการที่ยาเหล่านี้ทําให้เลือดแข็งตัวได้ง่ายขึ้น ดังนั้น ในผู้ป่วยโรคหัวใจ อาจทําให้เกิดการอุดตันในหลอดเลือดหัวใจ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจตายได้
ดังนั้น คนที่เป็นโรคหัวใจ แล้วรับทานยาโรคหัวใจอยู่ ควรจดหรือพิมพ์ข้อความใส่กระเป๋าสตางค์ติดตัวไว้ ว่าตัวเองใช้ยาอะไรบ้าง เพื่อป้องกันปัญหา หรือผลข้างเคียงจากยาที่อาจจะตามมาได้ และเนื่องจากโรคหัวใจเป็นโรคเรื้อรัง จําเป็นต้องทานยาไปตลอดชีวิต รวมทั้งมักจะได้รับยาหลายชนิดสําหรับรักษาโรคหัวใจและโรคอื่นๆ ที่มีร่วมด้วย
……………………………………………………………………………………
การกินยาให้ถูกต้องและสมำเสมอจึงเป็นเรื่องสําคัญ ในกรณีที่มีอาการผิดปกติหลังกินยา ควรปรึกษาแพทย์ผู้ที่สั่งยาให้ ไม่ควรหยุดกินยาเอง เมื่อผู้ป่วยและญาติมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรค และการรักษาดีขึ้น ก็จะทําให้ผลการรักษาดีขึ้นตามไปด้วย
เนื้อหาโดย Dodeden.com