มาเด้กับเมโส ต่างกันอย่างไร ? แบบไหนเหมาะสมกับเรา ? นี่คงเป็นอีกหนึ่งคำถามที่หลายๆ คนสงสัย ว่าปัญหาผิวหน้าที่เรามี เหมาะกับการรักษาชนิดใดมากกว่ากัน ลองมาหาคำตอบกันค่ะ

มาเด้กับเมโส

 

มาเด้กับเมโส ต่างกันอย่างไร ? แบบไหนเหมาะสมกับเรา ?

 

มาเด้กับเมโส
ภาพจาก thefaceaesthetic.com

มาเด้ (Made)

คือการใช้ตัวยาที่จะเข้าไปช่วยกระตุ้นคอลลาเจน และวิตามินที่มีความสำคัญต่อผิว ซึ่งทำโดยการใช้เข็มฉีดยาจิ้มลงไปบริเวณจุดฝังเข็ม 16 จุดทั่วใบหน้า (Homeopathy) ต่อมน้ำเหลืองใต้ผิวหนังก็จะมีการไหลเวียนได้ดีขึ้น ซึ่งตัวยาแต่ละตัว จะออกฤทธิ์ส่งเสริมซึ่งกันและกัน ทำให้ผลการบำบัดออกมาดี 

หลักการทำงานของมาเด้

Detoxification
คือ การเร่งการขับสารพิษ และของเสีย ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดริ้วรอยออกจากร่างกาย โดยการกระตุ้นการทำงานของอวัยวะต่างๆ ที่ทำหน้าที่ในการขับถ่าย อย่างเช่น ตับ ไต ลำไส้ และต่อมน้ำเหลือง ซึ่งเป็นขบวนการที่จำเป็นอย่างมาก เพราะถ้ามีสารพิษ และของเสียต่างๆ ตกค้างอยู่ในร่างกายมาก จะทำให้ร่างกายอ่อนแอ และทำให้เกิดอาการของโรคต่างๆ ได้ง่าย เมื่อมีของเสียอยู่ข้างในมาก ร่างกายก็ไม่สามารถดูดซึมสารอาหารใหม่ๆ เข้าไปหล่อเลี้ยงได้

Metabolism
คือ การเร่งการเผาผลาญพลังงาน และการไหลเวียนเลือด ช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็น ทำให้มีพลังในการฟื้นฟูตัวเองได้

มาเด้กับเมโส
ภาพจาก marinematrix.com

Nutrients and Cell therapy
คือ สารอาหาร และเซลส์เนื้อเยื่อในจำนวนที่พอเหมาะที่ร่างการต้องการ เพื่อสุขภาพ และผิวพรรณที่ดี

Restructuring
คือ การปรับความสมดุลให้กับร่างกาย ให้มีภูมิคุ้มกันที่ดี สามารถต่อสู้กับสาเหตุของโรคต่างๆ นั้นได้ ทำให้ผิวสวยแข็งแรง ไม่ถูกทำลายได้ง่ายจากสิ่งแวดล้อมภายนอก

การทำมาเด้ เหมาะกับใคร?

กลุ่มคนที่มักมีสิวอักเสบ ผดผื่น อาการแพ้บริเวณผิวหนัง หรือคนที่มีผิวแห้งมากกว่าปกติ ทาครีมหรือแต่งหน้าไม่ค่อยติด มีริ้วรอยบริเวณใบหน้าที่เห็นชัด แพทย์จะทำประมาณ 10 ครั้งต่อเนื่อง เว้นระยะห่างประมาณ 2 สัปดาห์ต่อ 1 ครั้ง หรือสำหรับคนที่มีปัญหาไม่มาก อาจจะเว้นระยะประมาณ 1 ครั้ง ต่อเดือน หลังจากฉีดมาเด้ ผิวจะกระจ่างใส รูขุมขนกระชับ ผิวหน้าเนียนนุ่ม อ่อนเยาว์ขึ้น ไม่แห้งกร้าน ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ดูมีสุขภาพดี

 

เมโสเทอราปี (Meso Therapy)

คือวิธีการใช้เข็มฉีดยาสะกิดบนผิว เพื่อฉีดสารอาหารต่างๆ ที่จำเป็น เช่น มัลติวิตามิน Coenzyme Q10 แร่ธาตุต่างๆ และกรดอะมิโน เข้าสู่ผิวหนังชั้นกลางโดยตรง เพื่อให้ตัวยาสามารถลงไปลึกถึงชั้นผิว มากกว่าการทาครีมโดยทั่วไป มีผลต่อการสร้างอิลาสตินบนผิว ทำให้ผิวหน้ากระจ่างใส ลดริ้วรอยบริเวณผิวหน้าได้ดีขึ้น

การทำเมโส เหมาะกับใคร?

เหมาะกับคนที่มีปัญหาสิว ผดผื่น ริ้วรอยที่เกิดจากสิว สีผิวไม่สม่ำเสมอ นอกจากนี้ ยังช่วยแก้ปัญหาเรื่อง ฝ้า กระ หรือจุดด่างดำต่างๆ และช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้นด้วย หลังจากฉีดแล้ว จะช่วยปรับให้ผิวหน้ากระจ่างใส ลดริ้วรอยที่เกิดจากสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ และสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ ทำให้รูขุมขนที่กว้าง เล็กลง ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์ ลดโอกาสการเกิดสิวใหม่ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว จะเริ่มเห็นผลประมาณ 3 วัน เห็นผลเต็มที่ประมาณ 7-14 วัน และอยู่ได้ อีก 1-2 เดือน

…………………………………………

ไม่ว่าจะเป็นการฉีดมาเด้ หรือเมโส สิ่งสำคัญที่เราต้องเช็คคือ ตัวยาต้องปลอดภัย และต้องไม่ใช้ในอัตราส่วนที่มากเกิน เพราะจะทำให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงตามมาได้ เพราะมีตัวยาหลายยี่ห้อที่ไม่ผ่าน อย. รวมถึงมียาปลอมออกมาเยอะมากในท้องตลาด และหากมีการนำเมโสที่ไม่ทราบแหล่งที่มา มาฉีดเอง หรือเข้ารับการฉีดในคลินิกเถื่อน อาจทำให้มีอาการแพ้สารที่ได้รับเข้าไป ผิวหนังก็จะบางลง ผิวไวต่อแดด อาจจะรุนแรงถึงขั้นเกิดมะเร็งได้เลย อย่าลืมเลือกฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้จริงๆ และฉีดโดยเทคนิคที่ถูกต้อง ในปริมาณที่เหมาะสมด้วยนะคะ

 

อ่านบทความเพิ่มเติม เกี่ยวกับมาเด้ และเมโสหน้าใส

ฉีด MADE Collagen เเล้วเห็นผล ลดริ้วรอย ย้อนวัยให้หน้าใสจริงหรือไม่
> ซื้อเมโสหน้าใสมาสะกิดเอง เพราะอยากหน้าปัง อาจหน้าพังไม่รู้ตัว!!
> Mesotherapy ทรีทเม้นท์ยอดฮิต สำหรับคนอยากหน้าใส
> กลุ้มใจกับปัญหาฝ้าฝังลึก เรื่องหนักใจแบบนี้ กับวิธีรับมือที่ได้ผล

 

เนื้อหาโดย Dodeden.com

สนใจหาข้อมูลและปรึกษาศัลยกรรมได้ที่นี่

โดดเด่น
ศัลยกรรม
webdodeden

 

เรื่องน่าสนใจ


Verified by MonsterInsights