ถึงจะจบลงอย่างงดงามไปแล้วกับเวที Mr. Gay World Thailand 2019 แต่ก็ยังมีประเด็นที่น่าหยิบยกมาพูดถึงอีกมากมาย และ @tom actz เราเองในฐานะ Media Partner ก็จะนำเสนออย่างต่อเนื่องไปอีกสักพัก หนึ่งในเรื่องน่าสนใจที่เกี่ยวพันกับชาว LGBT (เลสเบี้ยน เกย์ ไบเซ็กช่วบ และทรานส์) โดยไม่ได้จำเพาะเจาะจงอยู่แค่กับกลุ่มเกย์ ก็คือ แคมเปญหรือการนำเสนอโครงการอันเกี่ยวข้องกับประเด็น LGBT ที่ผู้เข้าประกวดทุกคนต้องนำเสนอต่อหน้าคณะกรรมการในรอบพิเศษ ซึ่งผู้ที่คว้าตำแหน่ง Best Social Campaign ก็จะได้รับ Fast Track ผ่านเข้ารอบ 10 คนไปเลย และก็เป็น “เจส-เจษฎา ปลอดแก้ว” ผู้เข้าประกวดหมายเลข 7 นี่เองที่คว้าตำแหน่งนี้ไปกับแคมเปญ Pride at Work
เจสนำเสนอแคมเปญโดยโฟกัสไปที่การเลือกปฏิบัติกับพนักงานชาว LGBT ในที่ทำงานซึ่งเคยเกิดขึ้นจริงผ่านประสบการณ์ของเขากับเพื่อนๆ รวมถึงอดีตคนรักของเจสเอง ซึ่งทำให้พวกเค้าไม่สามารถก้าวหน้าในหน้าที่การงานได้ ถูกจำกัดสิทธิในการเข้าทำงานทั้งๆ ที่มีความสามารถเพียงพอ แต่บริษัทนั้นๆ ไม่ต้องการพนักงานชาว LGBT รวมถึงตำแหน่งหน้าที่ในบางอาชีพที่กีดกันหรือเลือกปฏิบัติต่อ LGBT อย่างชัดเจน มากไปกว่านั้นเจสยังต้องการเป็นกระบอกเสียงให้กับ LGBT ทุกๆ คนที่ถูกเลือกปฏิบัติในบริษัทหรือหน่วยงานต้นสังกัด พยายามสร้างระบบระเบียบในการเรียกร้องสิทธิที่พึงได้พึงมีอย่างเป็นรูปธรรม รวมไปจนถึงการสร้างวัฒนธรรมเป็นมิตรกับกลุ่ม LGBT ให้เกิดขึ้นในองค์กรต่างๆ ผ่านแนวคิดแปลกใหม่อย่างการมอบรางวัลพิเศษให้กับองค์กรหรือหน่วยงานที่สนับสนุนพนักงาน LGBT ในองค์กรของตน
ที่สำคัญ ตำแหน่ง Best Social Campaign ของเจส ก็ไม่ได้แค่ผลักให้เค้าก้าวเข้าสู่รอบ 10 คนสุดท้ายเพียงเท่านั้น แต่ทัศนคติ วิธีคิด และความสามารถของเจสเองในรอบต่อๆ มา ก็ส่งให้เค้าคว้าตำแหน่งรองอันดับหนึ่ง Mr. Gay World Thailand 2019 มาได้อีกหนึ่งตำแหน่งด้วย และเราก็หวังเหลือเกินว่า Social Campaign ของเจส จะได้มีโอกาสเป็นจริงในเร็ววัน
สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของแคมเปญ Pride At Work ของเจสได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ Pride At Work Thailand
ขอบคุณที่มา http://www.tomactz.com/th/article/609290