ที่มา: TNN24

โดดเด่นดอทคอมเคยได้นำเสนอเรื่องราวโทษของสารเติมเต็มอย่าง “ฟิลเลอร์” มาหลายต่อหลายครั้ง ว่าเป็นสารเติมเต็มที่ทำให้หลายคนสวยขึ้นได้แบบฉาบฉวย ปัญหาและโทษของมันมีอย่างมากมาย และถ้าเกิดปัญหาขึ้นมาต้องทำการรักษาร่างกายอีกนาน ดังเช่นเรื่องราว [ ฟิลเลอร์สวย หรือ ฟิลเลอร์มรณะ!!! ] ที่โดดเด่นเคยนำเสนอไปแล้วนั้น ล่าสุดทางแพทยสภา เล็งคุมเข้มตัวยา ฟิลเลอร์ ในสถานเสริมความงามต่างๆ หลังพบว่ามีผู้ไปฉีดแล้วเกิดอาการตาบอดเพิ่มขึ้น อีกทั้งถ้าเกิดปัญหาขึ้นบ่อยๆ เตรียมสั่งห้ามใช้โดยเด็ดขาด! 

47

โดยในวันนี้ ( 15 กรกฎาคม)  นายแพทย์ สัมพันธ์ คมฤทธิ์ รองเลขาธิการแพทยสภา กล่าวถึงผลกระทบจากการฉีดฟิลเลอร์หรือสารเติมเต็ม เพื่อการเสริมความงาม แต่เกิดความผิดพลาด จนทำให้ตาบอด ว่า เดิมตั้งแต่กรณีที่พบบัณฑิตใหม่ตาบอดจากการฉีดฟิลเลอร์เมื่อปีก่อน แพทยสภาได้พิจารณาว่าควรมีหลักสูตรการเรียนการสอนฉีดฟิลเลอร์อย่างถูกวิธี โดยให้ราชวิทยาลัยที่เกี่ยวข้องหรือโรงพยาบาลต่างๆไปจัดทำหลักสูตรมาเสนอมาให้แพทยสภาพิจารณารับรองหลักสูตร แต่จนถึงตอนนี้ไม่มีหน่วยงานใดขยับทำเรื่องนี้เลย อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่พบผู้ป่วยตาบอดเพิ่มถึง 2-3 รายนี้ ถือว่ามากเกินไป ถ้าเจอบ่อยขนาดนี้ แพทยสภาอาจต้องพิจารณาห้ามฉีดฟิลเลอร์อย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณจมูก แต่ยังต้องหารือร่วมกับราชวิทยาลัยที่เกี่ยวข้องด้านหู-คอ-จมูกก่อน ต้องดูว่าใช้สารอะไรมาฉีด เป็นสารที่ได้รับอนุญาตหรือไม่

ด้าน นายแพทย์ ไพศาล ร่วมวิบูลย์สุข ประธานราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ไม่ว่าจะฉีดฟิลเลอร์ถูกหรือไม่ถูกวิธีก็มีโอกาสทำให้เกิดตาบอดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นหมอเถื่อน มีโอกาสเกิดความผิดพลาดมากกว่า จึงอยากให้ประชาชนชั่งน้ำหนักให้ดีๆ เพราะมีโอกาสเกิดภาวะตาบอดได้จากการฉีดฟิลเลอร์ เพียงแค่อยากจะสวยหล่อเท่านั้น แล้วความสวยที่ได้มานั้นคุ้มค่าที่จะเสี่ยงหรือไม่ ซึ่งในฐานะจักษุแพทย์ที่พยายามรักษาโรคตาทุกชนิดให้ผู้ป่วยสามารถมองเห็นได้ดีที่สุด เห็นว่าหากแพทยสภาจะมีมาตรการอะไรออกมาเพื่อลดความเสี่ยงตรงนี้ ก็เป็นเรื่องที่ดี อย่างไรก็ตามฟิลเลอร์ยังมีข้อดีที่มีข้อบ่งชี้ในการใช้อยู่แล้ว

ขณะที่นายแพทย์ เวสารัช เวสโกวิท ประธานฝ่ายจริยธรรม สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่าไม่ควรห้ามฉีดฟิลเลอร์ แต่ควรทำให้ถูกมาตรฐานมากกว่า เพราะสารดังกล่าวมีหลักเกณฑ์การใช้อยู่แล้วว่าให้ฉีดตรงไหนได้บ้าง เช่น บริเวณจมูกหน้าผาก เป็นต้น ทั้งนี้ ผู้ที่จะทำควรเลือกทำกับผู้เชี่ยวชาญ เพราะถ้าเกิดปัญหา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะรู้วิธีแก้ไข ขณะที่ถ้าไปทำกับผู้ไม่มีความชำนาญนั้นบางครั้งผู้ป่วยบอกว่าเจ็บระหว่างฉีด แต่ยังยืนยันว่าจะฉีดต่อจนทำให้เกิดความเสียหายขึ้น

เรื่องน่าสนใจ