ที่มา: ศรัณย์คลินิก

หลังจากที่กระแสการฉีดฟิลเลอร์ไฮยาลูโรนิกแอซิด หรือ HA ในการเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก เพื่อแก้ไขความร่วงโรยบนใบหน้าฮิตติดตลาดไปทั่วบ้านทั่วเมือง จากผลลัพธ์ที่รวดเร็วทันใจ ผลข้างเคียงน้อย หลังฉีดออกงานได้ทันที รวมถึงไม่มีความเสี่ยงจากการผ่าตัด ทำให้หลายคนเลือกที่จะใช้วิธีการนี้ในการคืนความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้า

Doctor woman giving botox injections.

แต่อย่างที่ทราบกันอยู่ว่าการฉีดฟิลเลอร์ HA ผลลัพธ์ที่ได้จะอยู่ได้ในระยะสั้น คือประมาณ 6–8 เดือนขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้ และการฉีดฟิลเลอร์ HA เหมาะสำหรับการเติมเต็มเฉพาะที่ เพราะมีราคาค่อนข้างสูง ทำให้การเติมเต็มในบางบริเวณที่ต้องใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณมากๆเช่น คนที่มีปัญหาหน้าผอม แก้มตอบ ขมับแคบ หน้าผากบุ๋ม หรือในคนสูงวัยที่เกิดการสูญเสียไขมันและเนื้อเยื่อบนใบหน้าในปริมาณมากๆ จนรูปทรงบนใบหน้าผิดสัดส่วน เห็นโครงสร้างของกระดูกหน้ามากขึ้น อาจต้องมองหาทางเลือกอื่น ซึ่งวิธีการหนึ่งที่เป็นตัวเลือกที่ดี นั่นก็คือการเติมเต็มด้วยไขมัน (Fat Grafting)

การฉีดเติมเต็มด้วยไขมันหรือ Fat Grafting เป็นวิธีการที่ศัลยแพทย์ทำกันมานานแล้ว โดยการดูดไขมันในส่วนของร่างกายที่มีไขมันมากและต้องการกำจัดออก เช่น จากบริเวณหน้าท้อง ต้นขา หรือสะโพก แล้วจึงนำมาฉีดกลับเข้าไปใหม่ยังส่วนบริเวณที่ต้องการเติมเต็ม เช่น ในส่วนต่างๆบนใบหน้า เติมเต็มหน้าอกให้อวบอิ่ม เป็นต้น

ซึ่งมีข้อดีคือไขมันที่ได้เป็นของตัวคนไข้เองจึงไม่มีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในร่างกาย ในการทำแต่ละครั้งสามารถฉีดไขมันได้ในปริมาณมากๆ ผลลัพธ์ที่ได้เป็นธรรมชาติ แต่ข้อเสียของการทำ Fat Grafting ในอดีตคือไขมันที่ฉีดเข้าไปจะมีส่วนที่ตายเป็นจำนวนมาก ทำให้การกำหนดปริมาณและขนาดทำได้ยาก ผลลัพธ์ที่ได้จึงไม่ดีเท่าที่ควรด้วยวิวัฒนาการทางด้านศัลยกรรมความงามที่ไม่หยุดนิ่ง ทำให้การทำ Fat Grafting ได้ถูกพัฒนาเทคนิคและวิธีการจนสามารถทำลายข้อจำกัดและข้อเสียของวิธีการแบบเดิมๆ ลงไปได้ นั่นก็คือกระบวนการในการเตรียมเซลล์ไขมันที่ดูดออกมาให้มีสมรรถภาพและมีความพร้อมที่จะมีชีวิตอยู่ได้ยืนยาวขึ้น ทำให้หลังฉีดไปแล้วไขมันมีการตายน้อยลง แพทย์จึงสามารถประเมินผลลัพธ์ที่ได้ค่อนข้างชัดเจน

ส่วนวิธีการจะเป็นอย่างไรนั้น ฉบับนี้เราได้รับเกียรติจากอาจารย์แพทย์ถึง 3 ท่าน นั่นก็คือ ผศ. ถนอม บรรณประเสริฐ, นพ.กฤษฎา โกวิทวิบูล และ นพ.ปิยพล พัฒนครู ทีมศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่งและเสริมสร้างใบหน้าจากจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ที่จะมาเปิดเผยถึงเทคนิคและวิธีการใหม่ ที่จะทำให้การฉีดเติมเต็มไขมันมหัศจรรย์ยิ่งขึ้น

skin check before cosmetic surgery

หลักการของ Fat Grafting :

The New Regenerativetive filler พุงหาย อกมา หน้าเด้ง เป็นการย้ายตำแหน่งไขมันจากบริเวณที่ไม่ต้องการ เช่น หน้าท้อง ต้นขา มาเติมเต็มในส่วนที่บกพร่องเช่น ใบหน้า บริเวณร่องแก้ม รอยใต้ตา รอบดวงตา เบ้าตาที่ลึกโบ๋ เนื่องจากไขมันบางส่วนที่หายไป ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบดวงตาก็จะลดลง เนื่องจากพังผืดที่ยึดบริเวณรอบดวงตามีการหย่อน ทำให้เกิดร่องลึกลงไปเรื่อยๆ ดังที่กล่าวมาแล้วว่าปัญหาของการทำ Fat Grafting ในอดีตคือ การที่ดูดไขมันออกมาแล้วฉีดกลับเข้าไปเลย

บางทีฉีดไปแล้วหายหมดหรือถ้าไขมันเป็นเม็ดใหญ่หลังทำไปแล้วอาจเห็นเป็นก้อนขึ้นมาเป็นจุดๆเองจึงได้มีการพัฒนากรรมวิธีที่จะมาช่วยแก้ปัญหาดังกล่าว นั่นก็คือการนำไขมันมาผ่านกระบวนการปั่นแยก เพื่อแยกส่วนผสมของไขมันที่ดูดออกมาออกจากกัน โดยผ่านกระบวนการทางเครื่องมือ (Lipo-Aspi-Ration process) ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ทำให้ได้ไขมันที่มีชีวิตและคุณภาพสูง จากนั้นอาจจะแบ่งไขมันส่วนหนึ่งไปแยกสกัดเอาเซลล์เปลือกไขมันซึ่งมีสเต็มเซลล์ไขมันปนอยู่เพื่อนำไปผสมกับเนื้อเยื่อไขมันที่เตรียมไว้แล้วจึงนำไปฉีดเติมยังบริเวณที่ต้องการเป็นการทำให้ไขมันรอดชีวิตมากขึ้นหลังจากฉีดเรียกเทคนิคใหม่นี้ว่า CAL ( Cell-Assisted Lipotransfer) โดยเทคนิคนี้ใช้เซลล์เปลือกไขมันในจำนวนน้อยเพื่อไปช่วยส่งเสริมการมีชีวิตรอดของเนื้อเยื่อไขมันที่ปลูกถ่าย

(หากเราใช้เซลล์เปลือกหรือสเต็มเซลล์ผสมกับเนื้อเยื่อไขมันในปริมาณสูงมากเพียงพอก็จะอาจเป็นเทคนิคการทำวิศวกรรมเนื้อเยื่อไขมันที่มีความซับซ้อนสูงกว่าโดยเทคนิคนี้จะทำให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อไขมันขึ้นมาใหม่ทั้งหมด) ด้วยเทคนิคใหม่นี้จากการเตรียมความพร้อมของไขมันที่ดีขึ้นรวมถึงองค์ประกอบทางเทคนิคด้านอื่นๆ เช่น การใช้หัวดูดที่ทันสมัยมากขึ้นใช้ความดันในการดูดน้อยลง หลังดูดใช้การปั่นแยกเซลล์ไขมันแทนการบีบและการกรองแบบเก่า ทำให้โอกาสที่ไขมันจะถูกกระทบกระเทือนน้อยลง รวมถึงเทคนิคการฉีดที่จะทำเป็นจุดและกราฟเล็กๆ ไม่ใส่ไขมันเข้าไปเป็นกระจุกใหญ่ สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้ไขมันคงอยู่ได้มาก ทำให้ผลลัพธ์ดีขึ้น

Woman giving botox injections.

นำมาแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง

  • เติมเต็มบริเวณส่วนต่างๆ ของร่างกายให้อวบอิ่ม เช่น บริเวณขมับร่องแก้ม ใต้ตา รอบดวงตา มุมคาง หน้าผาก ฯลฯ
  • ฟื้นฟูสภาพผิวพรรณที่เสื่อมลง
  • เติมเต็มบริเวณหลังมือ
  • เติมเต็มร่องรอยความไม่เรียบหลังการดูดไขมัน ฯลฯ

ข้อดีของวิธีการนี้

  • ไม่มีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในร่างกาย
  • ไขมันที่ฉีดเข้าไปและเหลืออยู่หลังจากผ่านไป 6 เดือนจะอยู่ได้ถาวร
  • ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติ
  • สามารถเติมเต็มไขมันได้ในปริมาณมากในการทำแต่ละครั้ง (อาจทำ 2-3 ครั้ง)
  • ไขมันเป็นฟิลเลอร์ที่มีชีวิตสามารถฟื้นฟูสภาพความมีชีวิตชีวาของผิวหน้าได้เพราะไขมันมีสเต็มเซลล์ไขมันปนอยู่

ข้อเสีย

  • เป็นการผ่าตัดชนิดหนึ่งมีอาการบอบช้ำมากกว่าการทำฟิลเลอร์ทั่วไปต้องใช้เวลาพักฟื้น
  • ไม่สามารถทำในคนที่ผอมมากๆ
  • แม้ว่าผลการเติมเต็มไขมันจะดีขึ้นกว่าเดิม แต่ยังมีการสลายตัวบางส่วน ปริมาณการสลายตัวของไขมันนั้นไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับธรรมชาติแต่ละคน และในแต่ละตำแหน่งของร่างกายที่ตอบสนองแตกต่างกัน

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการรักษา

  1. คนไข้ต้องมีเวลาพอสำหรับการพักฟื้นในช่วง 1-3 สัปดาห์หลังทำ
  2. งดวิตามิน อาหารเสริม ยาบำรุง และยาต้านเกร็ดเลือดทุกชนิด ไม่ต่ำกว่า 1 สัปดาห์

Man gets cosmetic injection of botox .Beauty Treatment

กระบวนการ ขั้นตอนในการผ่าตัด

  1. ก่อนอื่นต้องเลือกตำแหน่งที่ต้องการดูดไขมัน เช่น หากต้องการนำไปเสริมหน้าอกหรือเติมเต็มบริเวณใบหน้า ในการทำการผ่าตัด คนไข้จะอยู่ในท่านอนหงาย  โดยมักจะเลือดดูดไขมันบริเวณหน้าท้อง  ต้นขาด้านในหรือด้านนอก คือเลือกบริเวณที่สามารถนำไขมันออกมาได้สะดวกที่สุด
  2. ฉีดยาชาไปยังบริเวณที่จะทำการดูดไขมัน
  3. ใช้เข็มดูดไขมันออกมา การใช้เข็มแทนการใช้เครื่องดูดจะดีในแง่ของการควบคุมความดัน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาไขมันที่สลายและตายจำนวนมาก
  4. หลังจากได้ไขมันครบตามที่ต้องการแล้ว จะเข้าสู่ขั้นตอนการเตรียมไขมัน ด้วยกระบวนการ  Lipo-Aspiration process  ด้วยเครื่องปั่นทางการแพทย์ เพื่อแยกเนื้อเยื่อไขมันที่มีชีวิต แยกชั้นไขมัน และแยกให้ส่วนที่มีความเข้มข้นน้อยที่สุดอยู่ด้านบน รองลงมาคือเข้มข้นปานกลาง และเข้มข้นมากที่สุดอยู่ด้านล่าง การแยกชั้นทำเพื่อเลือกไขมันที่มีโอกาสมีชีวิตรอดมากที่สุดมาใช้  โดยตัดปริมาณสารที่ตายแล้วออก ซึ่งสิ่งที่ตายแล้วจะอยู่ด้านบนซึ่งมักจะเป็นพวกน้ำมัน เซลล์ไขมันต่างๆ ที่แตกตัว ซึ่งจะถูกคัดทิ้งไป
  5. นำไขมันที่ได้ไปสกัดเซลล์ไขมันเพื่อให้ได้เซลล์ไขมันที่ต้องการ ด้วยวิธีการที่เรียกว่า Cal (Cell-Assisted Lipotransfer) ซึ่งวิธีนี้จะเป็นวิธีที่จะช่วยทำให้ไขมันที่จะมีชีวิตอยู่มีปริมาตรแน่นอน สามารถประเมินได้อย่างชัดเจนว่าต้องใส่ไขมันปริมาณเท่าใด
  6. นำไขมันที่ได้มาผสมกับเซลล์แล้วนำไปฉีดในบริเวณที่ต้องการด้วยเทคนิคที่เรียกว่า Structural Fat Graft เป็นการปลูกถ่ายไขมัน เพื่อฟื้นคืนรูปทรงตามธรรมชาติแบบสามมิติของแต่ละส่วนย่อยๆของร่างกาย
  7. เข็มที่ใช้ในการฉีด แพทย์จะใช้ Blunt Cannular ซึ่งมีลักษณะเป็นเข็มปลายทู่ เพื่อลดการกระทบกระเทือนแก่อวัยวะข้างเคียงขณะฉีด เพราะสิ่งที่ต้องระมัดระวังคือ เส้นประสาท เส้นเลือด กล้ามเนื้อ และต่อมน้ำลายข้างแก้ม หากได้รับการกระทบเทือนอาจเกิดปัญหาตามมาได้ ในการฉีดแพทย์จะแทงเข็มเข้าไปยังตำแหน่งที่ต้องการลักษณะการแทงเข็มจะขึ้นอยู่กับเทคนิคของแพทย์แต่ละคน  ซึ่งการจะทำให้ได้ความเรียบเนียนและทำให้เซลล์ไขมันที่ใส่เข้าไปสูญเสียน้อยที่สุดอาจต้องใช้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการทำค่อนข้างมาก เนื่องจากต้องเข้าใจและรู้จักเซลล์ไขมันเป็นอย่างดี เพราะว่าเซลล์ไขมันค่อนข้างบอบบางและตายได้ง่ายมาก

การดูแลตัวเองหลังเข้ารับการรักษา

หลังเข้ารับการรักษาควรมีการประคบเย็นประมาณ 48-72 ชั่วโมงเพื่อลดอาการบวมและเขียวช้ำ ช่วงแรกอาจจะยังคลำเจอไขมันและไม่ค่อยเรียบเนียนนัก คนไข้ไม่ต้องกังวล แพทย์จะเป็นผู้ประเมินและให้คำแนะนำ ซึ่งอาการเหล่านี้ก็จะดีขึ้น โดย 1-3 สัปดาห์หลังทำ เพราะจะมีการบวม มีรอยเขียวช้ำ โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์แรก และจะเริ่มดีขึ้นในอาทิตย์ที่ 3-4 ซึ่งใบหน้าจะดูเข้ารูปมากขึ้น เห็นความอ่อนเยาว์ชัดเจนขึ้น

ข้อมูลจาก ศรัณย์คลินิก
• เบอร์โทรศัพท์ 02-693-9391 ถึง 2
• เบอร์มือถือ 094 645 1466
• คลินิกของหมอศรัณย์เปิด จันทร์-เสาร์00-20.00 น. ปิดวันอาทิตย์และวันหยุดราชการ
• เข้าตรวจและรับปรึกษา จันทร์ อังคาร พฤ. เวลา30-19.00 และเสาร์ เวลา 16.00- 18.00 น.เท่านั้น
• ที่อยู่ : 1287-9 ปากซอยอินทามระ 43 ถนนสุทธิสาร-รัชดา แขวงดินแดง เขตดินแดง กทม. 10400
• Email : [email protected]
• Website : http://www.saransurgeryclinic.com
• Facebook : ศรัณย์คลินิก

 

เรื่องน่าสนใจ