จากกรณีที่เป็นข่าวคึกโครม กรณีพริตตี้สาวสาว อายุ 30 ปี น้องหญิงหรือเฟิร์น ชาวจังหวัดเชียงใหม่ ที่เข้ามาผ่าตัดโหนกแก้ม ตัดกราม เหลาคางหรือทำหน้าวีไลน์ เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2557 ที่ผ่านมา ที่คลินิกแห่งหนึ่ง ต.ปากน้ำ อ.เมืองสมุทรปราการ และเกิดอาการแพ้ยาสลบ จนทำให้เสียชีวิตในระหว่างการผ่าตัด

หลังเกิดเหตุสลดได้นำศพกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด แต่หลังจากมีการแชร์กันในโลกโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก ทางสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจสอบที่คลินิกดังกล่าว พบว่าได้มีการปิดกิจการและรื้อป้ายหน้าร้านออกไปแล้ว

11.jpg

ช่วงสายวันนี้ ผู้สื่อข่าวได้เข้าตรวจสอบที่คลินิกดังกล่าว พบว่ามีการถอดป้าย และใช้สติ๊กเกอร์ปิดทับรูปภาพโฆษณาบริเวณกระจกหน้าร้านไว้ด้วย และปิดประตูเหล็กสนิททุกบาน สอบถามชาวบ้านละแวกดังกล่าวบอกกว่าคลินิก ได้ปิดทำการเป็นวันที่ 2 หลังจากเริ่มมีกระแสข่าวพริตตี้เสียชีวิตทางเฟซบุ๊ก ช่วงก่อนหน้านั้นประมาณสัปดาห์ที่แล้ว ช่วงค่ำเวลาประมาณ 20.00 น. เห็นมีรถพยาบาลมารับหญิงสาวคนหนึ่ง ขณะนั้นชาวบ้านคิดว่าหญิงสาวคงแค่เป็นลมเท่านั้น กระทั่งมาพบว่ามีข่าวและเห็นคลินิกปิดทำการ

179118

จากนั้นทางผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการเพื่อขอข้อมูลจากนายแพทย์อัษฎางค์รวยอาจิณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ แต่ไม่พบเนื่องจากทางนายแพทย์คนดังกล่าวได้ลาหยุด จึงได้โทรศัพท์สอบถาม

โดยนายแพทย์อัษฎางค์ เปิดเผยว่า หลังทราบเรื่องในวันนี้ ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบที่คลินิกดังกล่าวแล้ว พบว่าได้ปิดกิจการไปก่อนหน้าแล้ว และมีการรื้อป้ายหน้าร้านออกไป ทางเจ้าหน้าที่จึงไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ เนื่องจากติดในเรื่องข้อของกฎหมาย ว่าการที่เข้าทำการตรวจค้นสถานที่ส่วนบุคคลจะต้องมีหมายค้น

179120

โดยการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าคลินิกดังกล่าวได้มีการขออนุญาตเปิดกิจการศัลยกรรมตกแต่งความงามถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนขั้นตอนต่อไปคงต้องประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอหมายค้นจากศาลจังหวัดสมุทรปราการเข้าตรวจค้นที่คลินิกดังกล่าว

อย่างไรก็ตามเบื้องต้นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้ทำหนังสือแจ้งเตือนไปยังสถานประกอบการศัลยกรรมตกแต่งความงามทุกแห่งว่าก่อนดำเนินการใดๆจะต้องมีการสอบถามผู้มาใช้บริการทุกครั้งในเรื่องการแพ้ยาอะไรหรือไม่อย่างไร

รวมถึงเรื่องประวัติและโรคประจำตัวของผู้มาใช้บริการด้วย ส่วนในเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ คงจะต้องทำการตรวจสอบต่อไปอีกว่านายแพทย์ที่ได้รับอนุญาต ได้เป็นผู้ดำเนินการผ่าตัดเองหรือไม่ จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น และในส่วนอื่นๆ คงต้องมีการสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไป

ทั้งนี้จากการสอบถามไปยัง พ.ต.อ.ปรีชา เอี่ยมนุ้ย พงส.ผทค.หน.งานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ กล่าวว่า เบื้องต้นทาง สภ.เมือง ยังไม่ได้รับแจ้งความการเสียชีวิต ของน้องหญิงหรือเฟิร์น

12

 ล่าสุดจากกรณีพริตตี้สาวสวย เมทยา มาวงค์ ที่มีความสวยงามระดับดารา และได้เข้าผ่าตัดอีกรอบ เพื่อทำหน้าเรียวกับคลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่งย่านปากน้ำ และเกิดอาการแพ้ยาจนเสียชีวิต ซึ่งแฟนหนุ่มของพริตตี้สาว คือ นายพงศ์กร ทันตแพทย์หนุ่ม ได้ออกมาให้ข้อมูลกับหนังสือพิมพ์ข่าวสดว่า วันที่ผ่าตัดแฟนสาวนั้น ทั้งแม่และตัวเองก็อยู่ด้วยกัน

อยากจะให้ข้อคิดสำหรับคนรักสวยรักงามทั้งหลาย ที่พร้อมจะทำการผ่าตัดเพื่อเปลี่ยนสรีระหน้าตาให้เกิดความสวยงาม อันตรายมากสำหรับการวางยาสลบ เพราะบางคนเข้าทำการผ่าตัดหลายครั้งก็ไม่เป็นไร

กรณีแฟนสาวผ่าตัดวางยาสลบทุกครั้ง ได้ทำการผ่าอีกครั้งก็วางยาสลบอีก แต่มาเกิดอาการแพ้ในครั้งสุดท้ายนี้ ทางแพทย์ก็ช่วยเต็มที่แต่ร่างกายไม่ตอบสนอง อวัยวะทุกส่วนล้มเหลวจนเสียชีวิต น้องเมทยาที่เคยทำการผ่าตัดมาหลายปีแล้ว ก็ไม่เกิดอาการแพ้ยาสลบ

แต่ครั้งนี้เกิดอาการขั้นรุนแรง ร่างกายทนไม่ใหว ทางแพทย์ช่วยเต็มที่แล้ว สุดความสามารถ ขอให้ทุกคนทั้งวงการแพทย์และผู้เข้าทำการผ่าตัด โปรดระวังอาการแพ้ยาสลบด้วย เพราะเกิดขึ้นแล้วอาจเสียชีวิตได้ ยาสลบอันตรายสำหรับทุกคน มีโอกาสที่จะจบชีวิตแบบน้องเมทยาได้

ด้านนางปรานอม มาวงค์ แม่ของผู้ตายเผยด้วยความเศร้าว่า “ก็เสียใจกับการจากไปของบุตรสาว แต่ได้คิดว่าลูกมีบุญมาได้เพียงเท่านี้ มีบุญอยู่ในโลกเพียงเท่านี้ แต่ก็เสียใจมากที่สูญเสียลูกสาวไปและมีลูกคนเดียว คือ น้องเมทยา ช่วงผ่าตัดแม่ก็อยู่กับลูกตลอด เพราะแม่ไปดูแลลูกที่จะผ่าตัด เสียใจสุดๆ ขอร้องอย่าว่าอะไรที่ให้ร้ายกับน้องอีกเลย”

44

“แม่ขอกล่าวเป็นวิทยาทานว่า ขอให้กรณีน้องเมทยาที่ผ่าตัดแล้วเสียชีวิต เป็นเรื่องการศึกษาสำหรับผู้ที่กำลังจะเข้าทำการผ่าตัด ก็ควรระวังเอาไว้ว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ที่อาจจะเป็นหรือตายได้ ขอให้พิจารณาให้ดี

เพราะสภาพร่างกายของคน บางคนที่แพ้ยาและเสียชีวิตได้ ขอให้น้องเมทยาเป็นแบบอย่างในการคิดที่จะทำหรือไม่ควรทำศัลยกรรม แม่เสียใจมาก ได้เผาศพน้องตามประเพณีแล้ว และจะทำการสวดสังคหะในวันที่ 2 ต.ค. เวลา 10.00 น. โดยจะนำกระดูกน้องเมทยา จุดเป็นบั้งไฟขึ้นสู่ที่สูง เพื่อให้น้องไปอยู่ในสวรรค์ ตามขนบธรรมเนียมประเพณีล้านนาต่อไป ขอเตือนอย่าได้ประมาทในการผ่าตัด ให้ดูลูกสาวเป็นบทเรียน”

ที่มา: ข่าวสด

เรื่องน่าสนใจ