ความเสี่ยงที่มาพร้อมความสวย กับฟิลเลอร์มหัศจรรย์ลดถุงใต้ตา

13180162_s

ปัญหาถุงใต้ตาเป็นปัญหาที่กวนใจคุณผู้หญิงในการแต่งหน้าเสมอมา ถุงใต้ตาที่เหี่ยวดูโหลลึกทำให้หน้าดูโทรม การแต่งหน้าเพื่อกลบถุงใต้ตาทุกวันเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ การศัลยกรรมกับ บริเวณใกล้ดวงตาก็ฟังดูอันตรายและน่าหวาดเสียว

วิธีการรับมือกับถุงใต้ตาที่คุ้มค่าที่สุดในตอนนี้ จึงน่าจะเป็นการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปบริเวณใต้เบ้าตา เพื่อเสริมให้ถุงใต้ตาดูฟูแน่นขึ้น รอยเหี่ยวรวมถึงความคล้ำจึงจางหายไป ดังที่เราเคยได้นำเสนอไปแล้วกับวิธีการฉีดฟิลเลอร์ที่มีชื่อว่า “เพอร์เลน” ซึ่งรับประกันว่าถุงใต้ตาเหี่ยว ๆ คล้ำ ๆ เป็นแพนด้าจะจางหายไปอย่างสังเกตได้ทันทีหลังการทำ … แต่แม้จะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากที่สุดในเวลานี้ มันก็ยังมีความเสี่ยงที่คุณผู้หญิงจำเป็นต้องศึกษาให้รอบคอบก่อนเสมอ

เว็บไซต์เดลี่เมลได้นำเสนอวิธีการลดถุงใต้ตาทันใจที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งก็คือการฉีดฟิลเลอร์ เพียงแต่ต่างกันที่สารฟิลเลอร์ที่ใช้ การฉีดฟิลเลอร์วิธีนี้เรียกว่า “เทียร์-ธรู” (tear-through) โดยใช้สารฟิลเลอร์อย่าง เรสไทลีน (Restylane) และ จูเวนเดิร์ม (Juvéderm) ซึ่งการันดีว่าใต้ตาที่ฟูขึ้นจะอยู่ได้นาน 2-4 ปี นอกจากสองสิ่งที่กล่าวมานี้ ขั้นตอนกระบวนการทำเหมือนกับการฉีดฟิลเลอร์ด้วยเพอร์เลนทุกประการ รวมทั้งยังมีความคล้ายคลึงกันในเรื่องของความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ด้วย

ความสวยที่ฝืนธรรมชาติมักทำให้เกิดความเสี่ยงเสมอ ความเสี่ยงที่สามารถเกิดขึ้นได้กับการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปยังพื้นผิวบริเวณที่ ใกล้กับดวงตามาก ๆ มีตั้งแต่ใต้ตาบวมจากการที่ฟิลเลอร์ไม่เข้าที่ เกิดรอยฟกช้ำ ซึ่งอาการทั้งสองสามารถจางหายไปได้เองภายในหนึ่งอาทิตย์ รวมไปถึงความเสี่ยงที่นับว่าร้ายแรงที่สุด คือเกิดการผิดพลาดในการฉีดฟิลเลอร์และมันไหลไปปิดกั้นเส้นเลือดแดงที่ไป เลี้ยงจอประสาทตา ผลที่ตามมาจึงร้ายแรงถึงขั้นตาบอด หากลองคิดถึงในกรณีที่แย่ที่สุดคือเกิดการผิดพลาดกับการฉีดฟิลเลอร์ให้ดวงตา ทั้งสองข้าง ก็เท่ากับคุณต้องสูญเสียความสามารถในการมองเห็นไปเพียงเพราะฟิลเลอร์เพียง เข็มสองเข็มเท่านั้นเอง

แม้จะยังไม่เคยปรากฏว่ามีผู้ป่วยที่ตาบอดจากการฉีดฟิลเลอร์ลดถุงใต้ตา และส่วนใหญ่ก็ล้วนแต่พึงพอใจกับผลการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดและทันใจกัน แทบทุกราย แต่ถึงอย่างไรผู้ที่สนใจจะฉีดฟิลเลอร์ชนิดนี้ ก็จำเป็นที่จะต้องบวกความเสี่ยงเข้าไปก่อนจะชั่งน้ำหนักว่าความสวยที่คุณจะ ได้มานั้นสมน้ำสมเนื้อกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นไหม หลังจากที่ศึกษาข้อมูลรอบด้านอย่างรอบคอบแล้ว คนที่จะตอบคำถามนี้ได้ดีที่สุดก็คือตัวของคุณเองค่ะ

 

ที่มา kapook.com

เรื่องน่าสนใจ