ชาวบ้านขึ้นป้ายขับไล่ผู้ป่วย HIV ออกจากชุมชน เนื่องจากกังวลปัญหาสุขภาพ และโรคติดต่อที่อาจจะเกิดขึ้นตามมา แม้ทางการจะเข้ามาพูดคุยทำความเข้าใจแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ข้อยุติ
ป้ายแสดงข้อความขับไล่มูลนิธิกระท่อมพระสิริ ถูกนำมาติดทั่วทั้งชุมชนหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เนื่องจากใกล้ครบกำหนดวันที่ตกลงร่วมกันว่า มูลนิธิแห่งนี้จะย้ายออกจากชุมชน ภายในวันที่ 12 มิถุนายนนี้
ขณะที่บางป้ายระบุว่า ‘กระท่อมพระสิริออกไป ออกไป ไม่ต้องการ’ ขอคืนความสุขกับมาอยู่ที่ชุมชนบ้านหลังเนิน รวมทั้ง “ท่านรัฐมนตรี ท่านผู้ว่า สิทธิเสรีภาพของชาวบ้านอยู่นัย” ซึ่งผู้สื่อข่าวเข้าไปตรวจสอบและพูดคุยกับชาวบ้านต่างต้องการให้ออกไป ซึ่งมีชาวบ้านบางส่วนที่ทราบว่ากระท่อมพระสิรินั้นจะต้องย้ายออกไปอยู่ที่ทางเทศบาลจัดให้คืนบริเวณที่ดินที่ใกล้กับบ่อขยะของเทศบาลหนองปรือ จึงมีคำถามจากชาวบ้านบางส่วนแย้งมาว่า แล้วพวกเขาจะอยู่ได้อย่างไร ในเมื่อพวกเขาเป็นโรคที่ภูมิคุ้มกันพกพร่อง ซึ่งที่ดินที่ทางเทศบาลจัดให้นั้นใกล้เคียงกับบ่อขยะเท่ากับย้ายไปรอวันตายเพราะมีแต่เชื้อโรค
ขณะที่บรรยากศภายในมูลนิธิกระท่อมพระสิริ เงียบเหงากว่าหลายวันที่ผ่านมา ผู้ที่พักอาศัยในมูลนิธิฯ กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ถ้าย้ายไปอยู่ในสถานที่ที่ทางเทศบาลจัดให้ ก็ยังคงต้องรอวันตายไม่ต่างกัน จึงอยากฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือดูแล หรือหาที่พักพิงที่เหมาะสมให้ เพราะคนที่พักในมูลนิธิเหล่านี้เป็นคนไทยด้วยกันเอง
จากกรณีชาวบ้านชุมชนหลังเนินได้รวมตัวกับเพื่อเรียกร้องให้ทางมูลนิธิกระท่อมพระสิริ ซึ่งเป็นมูลนิธิที่ให้การช่วยเหลือที่พักพิงแก่ผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ที่มีฐานะยากจน ถูกสังคมรังเกียจ ให้ย้ายออกจากพื้นที่ โดยชาวบ้านชุมชนหลังเนินได้กล่าวอ้างว่า การช่วยเหลือผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ของมูลนิธิกระท่อมพระสิริได้สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านในเรื่องหลักการสุขาภิบาลและเรื่องเศรษฐกิจที่ชาวบ้านชุมชนหลังเนินที่ประกอบธุรกิจภายในชุมชน ไม่มีคนเข้ามาใช้บริการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของร้านค้า หรือห้องเช่า เป็นต้น
ดังนั้นจึงได้รวมตัวเข้าชื่อกันกว่า 200 คนเพื่อเรียกร้องให้ทางมูลนิธิกระท่อมพระสิริได้ย้ายออกจากพื้นที่ จนนายมาย ไชยนิตย์ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองหนองปรือ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า สำหรับ มูลนิธิ ที่อยู่หลังชุมชนหลังเนินได้มีการลงประชามติว่าให้ย้ายออกนั้น ทางเทศบาลเมืองหนองปรือพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้หาทางออกโดยละมุนละม่อมเพราะไม่อยากเกิดการขัดแย้งกัน
โดยเบื้องต้นได้เล็งหาที่ดินที่จะให้ มูลนิธิ เช่าไว้แล้วหลายที่ แต่ต้องดูความเหมาะสมอีกครั้ง หลังจากนั้นก็เข้าไปพูดคุยเจรจากับเจ้าของที่ดิน และทำความเข้าใจกับชาวบ้านรอบข้าง หากพูดคุยทำความเข้าใจได้ก็จะทำสัญญาเช่าระยะยาวต่อไป ในส่วนการย้ายออกของ มูลนิธิ ได้คุยกันไว้แล้วว่าน่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 6 เดือนหรือ 1 ปี และชาวบ้านไม่มีสิทธิ์ไปไล่แต่อย่างใด
ขณะที่บรรยากศภายในมูลนิธิกระท่อมพระสิริ เงียบเหงากว่าหลายวันที่ผ่านมา ผู้ที่พักอาศัยในมูลนิธิฯ กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ถ้าย้ายไปอยู่ในสถานที่ที่ทางเทศบาลจัดให้ ก็ยังคงต้องรอวันตายไม่ต่างกัน จึงอยากฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือดูแล หรือหาที่พักพิงที่เหมาะสมให้ เพราะคนที่พักในมูลนิธิเหล่านี้เป็นคนไทยด้วยกันเอง
