ยืนยันโรงหนังเครือเมเจอร์สั่งถอดหนัง “Parasyte ปรสิต เพื่อนรักเขมือบโลก” แล้ว ด้านแหล่งข่าวชี้เป็นปัญหาสะสมหลังเกิดความขัดแย้งระหว่างเมเจอร์กับค่ายโม โนฯ กรณีซื้อลิขสิทธิ์หนังจากต่างประเทศ
ทำเอาแฟนหนังที่เฝ้ารอการเข้าฉายของ “Parasyte ปรสิต เพื่อนรักเขมือบโลก” (part1) บางส่วนถึงกับงงทีเดียวหลังโรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ได้มีการถอดโปสเตอร์ รวมถึงหนังตัวอย่างของหนังเรื่องดังกล่าวที่มีการโฆษณาว่าจะเข้าฉายในโรงวัน ที่ 7 พ.ค.นี้ออกไปจนหลายคนสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเมื่อผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังฝ่ายประชาสัมพันธ์ ของค่ายโมโนฟิล์มซึ่งเป็นผู้นำภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวเข้ามาฉายก็ได้รับคำ ตอบว่าภาพยนตร์เรื่อง “Parasyte ปรสิต เพื่อนรักเขมือบโลก” ยังคงกำหนดเข้าฉายวันที่ 7 ตามเดิมเพียงแต่จะไม่มีการฉายในโรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์
ส่วนจะด้วยสาเหตุอะไรนั้นอีกฝ่ายขอที่จะไม่พูดถึง ซึ่งเมื่อสอบถามเรื่องนี้ไปยังฝั่งเมเจอร์ฯ ก็ได้รับคำตอบในลักษณะเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้น่าจะมาจาก ความขัดแย้งที่สะสมมาได้พักหนึ่งแล้วระหว่างบริษัทเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กร้ป จํากัด (มหาชน) ซึ่งดูแลบริหารโรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ฯ รวมถึงช่องทีวีดาวเทียม “เอ็ม แชนแนล” (M Channel) กับบริษัท โมโน เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด เจ้าของโมโน ฟิล์มและช่องทีวีดิจิตอล “โมโน 29” (MONO 29)
เกี่ยวกับเรื่องของการซื้อลิขสิทธิ์หนังจากต่างประเทศ โดยมีความพยายามจากฝ่ายหนึ่งที่จะกดดันไม่ให้อีกฝ่ายได้หนังดีๆ ไปไว้ในการครอบครองทั้งการตั้งราคาขายในราคาแพง หรือจะเป็นการพยายามไม่นำภาพยนตร์อีกฝ่ายเข้าฉายในโรงหนังเครือของตนเอง
รวมไปถึงการเอาหนังที่ขายลิขสิทธิ์ให้กับอีกฝ่ายไปแล้วมาออกอากาศผ่านช่อง ทีวีตัวเองก่อน ฯโดยก่อนหน้านี้ภาพยนตร์เอนิเมชันที่ค่ายโมโนฯ นำเข้ามาอย่างเรื่อง “108 ศึกอภินิหารตำนานเขาเหลียงซาน” ก็เคยมีปัญหาในการเข้าฉายมาแล้วเช่นกัน ซึ่งความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนั้นว่ากันว่าถึงตอนนี้ได้บานปลายไปจนถึงขนาดที่ มีการฟ้องร้องกันเลยทีเดียว โดยเกี่ยวกับเรื่องนี้นั้นทางทีมข่าวจะพยายามนำมาเสนอในรายละเอียดอีกครั้ง
สำหรับภาพยนตร์เรื่อง “Parasyte ปรสิต เพื่อนรักเขมือบโลก” เป็นหนังที่สร้างมาจากมังงะยอดฮิต “Parasyte เดรัจฉาน” โดยได้ “ทาคาชิ ยามาซากิ” จาก Always มารับหน้าที่กำกับการแสดง ซึ่งภาคแรกได้เข้าฉายที่ญี่ปุ่นไปเมื่อปีที่แล้วและสามารถเปิดตัวเป็นอันดับ ที่ 1 ด้วยรายได้ 340 ล้านเยนในสัปดาห์แรก ขณะที่ในภาค 2 ที่เข้าฉายไปเมื่อสุดสัดาห์ก่อนนั้นเปิดตัวมาอันดับที่ 6 และทำเงินไป 271 ล้านเยน
ขณะที่ในบ้านเรานั้นหนังเรื่องนี้จะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์เครือ เอสเอฟ ซีเนม่า ซิตี้ (ทุกสาขาในกรุงเทพ ปริมณฑล และต่างจังหวัด) รวมถึงโรงหนังเครือเมเจอร์ ฮอลลีวู้ด, เซ็นจูรี่, Apex ลิโด, MVP และเครืออิสระอื่นๆ ในวันที่ 7 พ.ค.นี้