ที่มา: Thairath

ถ้าพูดถึงต้นตำรับศัลยกรรมไทยไม่ง้อเกาหลี จะต้องนึกถึง “นายแพทย์ชลธิศ สินรัชตานันท์” นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งอาเซียน และอดีตนายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย ผู้ก่อตั้ง “ธีรพรคลินิก” เพราะคุณหมอคือผู้อยู่เบื้องหลังการพัฒนาวงการศัลยแพทย์ไทยจนเป็นที่ยอมรับระดับอินเตอร์ นอกจากจะพลิกโฉมวงการศัลยกรรมโลกด้วยการคิดค้นเทคนิคทำตาสองชั้นแบบเจาะรูเล็กๆ กรีดสั้นเย็บล็อกสามจุด “EYE-LOCK” คุณหมอยังสร้างชื่อจากการพัฒนาเทคนิคดึงหน้าขั้นเทพ “Face Lock-Face Lift” จนกลายเป็นตำรับโลกของการล็อกความอ่อนวัย ที่เห็นผลลัพธ์มีประสิทธิภาพที่สุดในปัจจุบัน

“ผมเกิดที่จังหวัดตาก มีพี่น้อง 5 คน ตอนเด็กๆเรียนหนังสือไม่เก่งเลย สอบได้ที่สุดท้ายทุกที แต่วันหนึ่งตัดสินใจจะมุมานะตั้งใจเรียน เพราะอยากสอบให้ติดโรงเรียนเตรียมอุดมฯแบบพี่ แม้ในที่สุดจะสอบไม่ติดเตรียมอุดมฯ และได้เข้าเรียนที่โรงเรียนวัดบวรฯแทน แต่ความพยายามไม่สูญเปล่า เพราะเทอมแรกก็ได้ที่หนึ่งของโรงเรียนเลย หลังจากนั้นสอบได้ที่หนึ่งตลอด ที่จริงแล้วผมอยากเรียนวิศวกร แต่แม่บอกให้เรียนหมอดีกว่า เพราะถ้าแม่แก่แล้วจะได้ดูแลแม่ ผมจึงเบนเข็มมาเรียนแพทย์ที่มหาวิทยาลัยมหิดล และในปีสุดท้ายที่ต้องเลือกเรียนแพทย์เฉพาะทาง จับพลัดจับผลูไปลงที่แผนกหูคอจมูก โรงพยาบาลศิริราช ทั้งๆที่ตอนแรกอยากเป็นหมอสูติ เพราะชอบผ่าตัด แต่ลองแล้วรู้สึกว่าไม่ใช่ทางเรา”…นพ. ชลธิศเล่าถึงจุดพลิกผันจากเด็กเรียนบ๊วย กลายมาเป็นคุณหมอชื่อดัง

 

ตำนานมีชีวิต

 

จากแพทย์หูคอจมูก คุณหมอเข้าสู่วงการศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าได้อย่างไร
“รศ.นพ.เชิญ เศขรฤทธิ์” ซึ่งสมัยนั้นเป็นหัวหน้าแผนกหูคอจมูก ที่โรงพยาบาลศิริราช เห็นว่าผมชอบผ่าตัด จึงแนะนำให้ไปเรียนเพิ่มเติมด้านศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า เพื่อนำวิชาความรู้มาช่วยเสริมทักษะการผ่าตัดช่วยเหลือคนไข้ ผมเริ่มศึกษาด้านศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าที่โรงพยาบาลภูมิพลกับ “อาจารย์พลตรีทายาท สุขบำรุง” ซึ่งเพิ่งกลับมาจากการศึกษาด้านศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าที่อเมริกา ผมเรียนได้ 2 ปี ก็กลับมาเปิดแผนกศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า ที่โรงพยาบาลศิริราช เป็นแผนกใหม่ย่อยจากแผนกหูคอจมูก ทำการรักษาคนไข้ควบกับการทำศัลยกรรมพลาสติก ย้อนกลับไป 40 กว่าปีก่อน การทำศัลยกรรมเป็นการรักษาโรคมากกว่าจะทำเพื่อความสวยงาม แผนกเราจึงรับทำศัลยกรรมฟรีๆให้คนมีปัญหาเพื่อเป็นเคสสตัดดี้ซ้อมมือ และผมได้สอนลูกศิษย์ไปในตัวด้วย สมัยนั้นมีโอกาสบินไปดูงานต่างประเทศหลายครั้งไปทั้งญี่ปุ่นและอเมริกา เพื่อนำความรู้มาปรับใช้ในการผ่าตัด และเผยแพร่ความรู้ให้ลูกศิษย์ที่ศิริราช

 

 

ใช้เวลาปลุกปั้นนานไหมกว่าวงการศัลยกรรมเมืองไทยจะเริ่มเปิดกว้าง
จากที่เคยทำฟรีๆ ทางศิริราชให้เปิดรับประชาชนทั่วไปที่อยากทำศัลยกรรมความงาม ไม่ว่าทำอะไรจะคิด 1,000 บาท (สมัยนั้นทองบาทละ 400) แล้วหยอดใส่กล่องบริจาคเข้าโรงพยาบาลหมด เพื่อไปช่วยเหลือคนไข้อนาถา ผมไม่เคยคิดหาสตางค์เข้ากระเป๋าตัวเอง แต่ทำด้วยความสนุก ยุคแรกๆคนที่มาทำศัลยกรรมมีไม่กี่อาชีพ ไม่เป็นผู้หญิงกลางคืน ก็พวกแอร์โฮสเตส ดารานักร้องก็มีมาแอบทำ แต่จะใส่หมวกใส่แว่นดำมิดชิด ต้องใช้เวลาเป็น 10 ปี กว่าวงการศัลยกรรมเมืองไทยจะเปิดกว้างขึ้น มีคนหลากหลายอาชีพมาทำศัลยกรรมเยอะขึ้น โดยนิยมทำตาสองชั้นและเสริมจมูก ช่วงนี้เองที่ผมเริ่มทำคลินิกตัวเองคือ “ธีรพรคลินิก” ในตอนกลางคืน

 

 

อะไรคือจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้คุณหมอชลธิศโด่งดังไปทั่วโลก
ช่วง 10 ปีแรกของการทำศัลยกรรม ผมคิดมาตลอดเพื่อหาวิธีลดขนาดแผลให้เล็กลง เราเรียนมาทางสายอเมริกา ที่ใช้เทคนิคการทำศัลยกรรมตามระบบตะวันตก ไม่ว่าทำอะไรจะแผลใหญ่หมดเลย ซึ่งไม่ตอบโจทย์คนเอเชีย ดึงหน้าก็แผลใหญ่ หรือผ่าตัดตาสองชั้นก็กรีดยาว ผมชอบคิดชอบทดลองอะไรใหม่ๆ จึงลองย่อแผลให้เล็กลงเรื่อยๆ เริ่มจากทำตาสองชั้นลองเจาะรูเล็กๆที่เปลือกตาแล้วล็อกเลย ปรากฏว่าได้ผลดีมาก แผลเล็กนิดเดียว จนกลายเป็นคนแรกของโลกที่คิดค้นเทคนิคทำตาสองชั้นแบบ “EYE-LOCK” กรีดสั้นเย็บล็อกสามจุด ซึ่งเป็นการผ่าตัดตาสองชั้นแบบถาวร เห็นผลลัพธ์ชัดเจน สร้างแนวทางใหม่ในการผ่าตัดศัลยกรรมตาสองชั้น เทคนิคสมัยเก่าจะกรีดยาวแผลค่อนข้างใหญ่ เพราะจุดประสงค์แรกเริ่มคือรักษาคนไข้สูงอายุที่มีปัญหาโรคขนตาทิ่มตา และน้ำตาไหลแฉะ แต่เมื่อค่อยๆพัฒนามาทำเพื่อเสริมความงาม การลดขนาดแผลให้เล็กลงได้ มากที่สุดจึงเป็นโจทย์สำคัญ ตลอดช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ผมได้รับเชิญไปบรรยายวิชาการเกี่ยวกับเทคนิคการทำตาสองชั้นด้วยวิธีนี้ในหลายประเทศ และกลายเป็นเทคนิคที่ได้รับการยอมรับจากศัลยแพทย์นานาประเทศจนถึงปัจจุบัน ผมเขียนเป็นตำราวิชาการอย่างละเอียดในหนังสือ “Less is more my way” และ “Asian Blepharoplasty” เพราะเชื่อว่าวิชาการทำศัลยกรรมเป็นของถิ่นใครถิ่นมัน เนื่องจากโครงสร้างของคนเราไม่เหมือนกัน หมอแต่ละประเทศก็ต้องคิดไปทำไป และพัฒนาเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ เพื่อให้เหมาะกับถิ่นตัวเอง

 

 

ดูเหมือนคุณหมอจะมีความเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ชอบคิดค้นอะไรใหม่ๆ ตลอดเวลา
ผมชอบคิดชอบทดลองไปเรื่อย และคิดอะไรไม่ค่อยเหมือนคนอื่น เช่น การเสริมจมูกด้วยวิธีปลูกย้ายไขมัน ผมก็เป็นคนคิดค้นเทคนิคนี้คนแรก ซึ่งปลอดภัยกว่าการเสริมจมูกด้วยการฉีดซิลิโคนเหลว เพราะเคยรักษาคนไข้ที่ไปฉีดซิลิโคนเหลวมาแล้วกลายเป็นเนื้องอก ต้องทำการผ่าตัดขูดออก พอนำซิลิโคนเหลวออกจมูกก็บิดเบี้ยว ผมจึงหาเทคนิคที่จะรักษาให้จมูกคนไข้กลับมามีสภาพเดิมมากที่สุด โดยลองเอาไขมันจากหน้าท้องมาใช้ที่จมูก ซึ่งได้ผลดีเกินคาด ทำให้คนไข้หายกลับเป็นปกติอีกครั้ง

 

 

คร่ำหวอดในวงการศัลยกรรมความงามกว่า 4 ทศวรรษ การค้นพบครั้งไหนภูมิใจที่สุด
การคิดค้นเทคนิคผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าให้เต่งตึง ที่เรียกว่า Face Lock-Face Lift คืออนาคตของศัลยกรรมยกกระชับใบหน้า ผมค้นคว้าเรื่องนี้มานาน เพราะอยากนำมารักษาและช่วยฟื้นฟูความชรา เมื่อเรามีอายุเยอะขึ้นย่อมเกิดความหย่อนคล้อยและชราไปทุกส่วน เทคนิคการทำศัลยกรรมดึงหน้าแบบ Face Lock-Face Lift ที่ผมคิดค้นขึ้นใหม่ จะช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างได้ผล ผมยังนำความรู้และประสบการณ์ผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าไปเผยแพร่ให้ศัลยแพทย์ทั่วโลกด้วย โดยได้รับเชิญเป็นอาจารย์ไปสอนทั้งในยุโรป, อเมริกา และกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งญี่ปุ่น, เกาหลี และจีน

 

 

วิวัฒนาการผ่าตัดดึงหน้าพัฒนาไปไกลขนาดไหน จริงไหมสามารถล็อก ไปถึงเหนียงคอ
เราพัฒนาไปไกลถึงขั้นล็อกใบหน้าได้ 7 ตำแหน่ง ตั้งแต่ “ล็อกตา” (EYE-LOCK) ทำให้มีชั้นตาสองชั้นอย่างเป็นธรรมชาติ, “ล็อกคิ้ว” (BROW-LOCK) แก้ปัญหาคิ้วตก, “ล็อกหางตา” (CROWFEET-LOCK) แก้ปัญหารอยตีนกา และหางตาตก, “ล็อกขมับ” (UPPER FACE-LOCK) ทำให้ใบหน้าช่วงบนตึงกระชับ, “ล็อกใบหน้าช่วงล่าง” (LOWER FACE-LOCK OR CHEEK-LOCK) แก้ปัญหาหย่อนคล้อยบริเวณร่องแก้ม, “ล็อกใบหน้าแบบยาวทั้งช่วงบนและช่วงล่าง” (LONG-FACE LOCK) เหมาะสำหรับคนอายุเยอะมีปัญหาหย่อนคล้อยมาก ล่าสุด เรายังพัฒนาเทคนิคไปถึง “ล็อกเหนียงคอ” (TURKEY NECK-LOCK) ซึ่งยังไม่มีใครทำสำเร็จมาก่อน สามารถดูรายละเอียดได้ที่ Facebook : Teeraporn Clinic โดยคุณหมอชลธิศ

 

 

จริงเท็จแค่ไหนที่ลือว่าหมอชลธิศหวงวิชามาก และใกล้จะวางมีดผ่าตัดแล้ว
ผมยังอยู่วงการนี้อีกนาน ผมถือว่าวิชาเหล่านี้จะตายไม่ได้ แต่สอนให้ใครทั่วไปก็ไม่ได้ เพราะสอนแล้วไม่บูชาครู เจอมาเยอะพวกเอาไปทำมาหากินผิดๆ ผมจึงถ่ายทอดให้เฉพาะทีมแพทย์ 10 กว่าคน ในธีรพรคลินิก แต่ละคนจะได้เทคนิคไปคนละอย่าง เช่น ทำตาบน 1 คน, ทำตาล่าง 1 คน, ทำจมูก 2 คน, ล็อกคิ้ว 2 คน และล็อกหน้าอีกหลายคน นี่จึงเป็นที่มาของคำว่าทำงานเป็นทีม เสมือนแปลงร่างจากหมอชลธิศหนึ่งคนเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญเฉพาะเทคนิคอีก 10 กว่าคน ข้อดีคือทุกคนชำนาญเฉพาะทาง, ทำงานรวดเร็ว, ไม่ช้ำไม่บวม, หายเร็ว และแทบไม่ต้องแก้ไข

ความสวยในอุดมคติของคุณหมอต้องเป็นอย่างไร
Less is more!! ทำน้อยเจ็บน้อยแต่สวยมาก ศัลยกรรมสมัยนี้ไม่ต้องทำแผลใหญ่ๆแล้วดึงหน้าก็ดึงนิดเดียวล็อกเฉพาะจุดสำคัญๆ เพื่อให้ขนาดแผลเล็กที่สุด เจ็บตัวน้อยที่สุด แต่ได้ผลลัพธ์สวยที่สุด ศัลยกรรมซ่อนแผลคือความสวยในอุดมคติของโลกอนาคต และผู้หญิงสวยไม่มีวันจบ ฉะนั้นเลือกทำศัลยกรรมในเมืองไทยดีที่สุด ไม่จำเป็นต้องบินไปเสี่ยงที่เกาหลี

 

สนใจหาข้อมูลและปรึกษาศัลยกรรมได้ที่นี่

โดดเด่น
ศัลยกรรม
webdodeden

 

เรื่องน่าสนใจ