ที่มา: springnews

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเพชรบูรณ์ รู้ตัวคนร้ายที่ก่อเหตุราดน้ำกรดใส่หน้าสาวขายขนมเครปจนเสียชีวิตแล้ว และกำลังติดตามไล่ล่าอย่างกระชั้นชิด โดยคนร้ายเป็นแฟนเก่าที่เลิกรากันไปของผู้ตาย พยายามมาตามง้อขอคืนดีแต่ผู้ตายไม่ยอมคืนดีด้วย

---------------------------83

ความคืบหน้ากรณี น.ส.วิภาวี จันทร์ขำ อายุ 37 ปี ชาว อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ ถูกคนร้ายราดน้ำกรดใส่หน้าจนเสียชีวิต ซึ่งจากการชันสูตรของแพทย์พบว่า ถูกน้ำกรดสาดเข้าที่ใบหน้า หน้าอกและลำตัว จนเป็นแผลเหวอะหวะ เสื้อผ้าและชุดชั้นในขาดวิ่น โดยเฉพาะบริเวณในปากและลำคอมีร่องรอยของน้ำกรด ซึ่งคาดว่าน้ำกรดผ่านเข้าลำคอไปกัดทำลายอวัยวะภายในจนเสียชีวิต

จากการสอบสวนนางบุญส่ง ศรีผ่อง อายุ 40 ปี พี่สาวของผู้ตายทราบว่า ผู้ตายเคยมีสามี มีลูกสาวด้วยกัน 2 คน แต่หย่าร้างกันไปแล้วหลายปี ประกอบอาชีพขายขนมเครปตามโรงเรียนต่างๆ ปัจจุบันอาศัยอยู่กับลูกสาวคนเล็กอายุ 14 ปี ส่วนลูกสาวคนโตกำลังเรียนอยู่ในระดับอุดมศึกษาแห่งหนึ่งที่ จ.ชลบุรี

เมื่อไม่นานมานี้ผู้ตายได้รู้จักและคบหากับนายอุ๊ (ไม่ทราบชื่อจริง) อายุประมาณ 50 ปี รูปร่างท้วม สูงประมาณ 170 ซม. ต่อมานายอุ๊ได้เข้ามาอาศัยอยู่บ้านเดียวกันกับผู้ตาย แต่ภายหลังไม่ทราบว่าทะเลาะกันเรื่องอะไร นายอุ๊จึงได้เก็บเสื้อผ้าออกจากบ้าน จากนั้นนายอุ๊ก็พยายามตามขอคืนดีกับผู้ตาย ซึ่งบางครั้งก็พาเพื่อนผู้ชายมาพูดจาลักษณะข่มขู่ผู้ตายว่า ถ้าไม่อยากมีปัญหาให้คืนดีกับนายอุ๊ แต่ผู้ตายก็ไม่ยินยอม

กระทั่งก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ออกไปขายขนมเครปในตัวเมือง จากนั้นไม่นานก็มีคนโทรศัพท์มาแจ้งว่า ผู้ตายถูกสาดน้ำกรดและเสียชีวิตแล้วอยู่ที่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ ซึ่งตนคาดว่าผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นนายอุ๊ เพราะนอกนั้นผู้ตายไม่เคยมีเรื่องราวหรือทะเลาะกับใคร

พ.ต.อ.สมนึก คำวิเศษ ผกก.สภ.เมืองเพชรบูรณ์ กล่าวว่า จากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นผู้ตายยืนอยู่ด้านหน้าโรงรับจำนำเพชรบูรณ์ จากนั้นได้มีชายรูปร่างท้วมสูงประมาณ 170–180 ซม.สวมเสื้อคอโปโลสีกรมท่า เดินเข้ามาหาผู้ตายและได้เกิดทะเลาะวิวาทกัน ผู้ตายจึงวิ่งหนีข้ามถนนไปยังลานจอดรถของธนาคารกรุงเทพฯ ซึ่งอยู่ตรงข้าม ฝ่ายชายก็ได้วิ่งตามไป

กระทั่งผู้ตายวิ่งย้อนกลับมาพร้อมร้องขอความช่วยเหลือในสภาพที่ใบหน้าและร่างกายมีควันฟุ้ง ชาวบ้านจึงช่วยกันนำน้ำมาราด และแจ้งเจ้าหน้าที่มาช่วยนำตัวส่งโรงพยาบาลเพชรบูรณ์ ส่วนคนร้ายได้วิ่งไปขึ้นรถจักรยานยนต์ ซึ่งติดเครื่องรอรับอยู่ด้านหน้าธนาคารกรุงเทพฯ โดยคนขับสวมกางเกงขายาวและเสื้อแขนยาวสีดำ สวมหมวกกันน็อคแบบเต็มใบหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามตัวนายอุ๊อย่างกระชั้นชิด โดยมีผู้พบเห็นอุ๊บนรถเมล์โดยสารประจำทางสายเพชรบูรณ์-ลพบุรีเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้จัดชุดติดตาม พร้อมประสานเจ้าหน้าตำรวจ สภ.ต่างๆ ให้ช่วยกันสกัดจับ คาดว่าจะได้ตัวในเร็วๆ นี้

เรื่องน่าสนใจ