ที่มา: manager

เกริ่นนำโดย โดดเด่นดอทคอม 

01

“กำไลหินสี” เครื่องประดับสุดฮิตในยุคนี้ ซึ่งคงจะเริ่มคุ้นหน้าคุ้นตาเจ้าหินสีหรือหินมงคลนี้กันมาพอสมควรแล้ว แต่ประเด็นคือเราจะแยกออกได้อย่างไรว่าหินสีที่วางขายกันอันไหนของจริง อันไหนของปลอม โดดเด่นชวนมาฟัง “รศ.ดร.เสรีวัฒน์ สมินทร์ปัญญา” อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร นักธรณีวิทยา แนะนำ 6 วิธีแยกหินสีแบบง่ายๆกันครับ

02

รศ.ดร.เสรีวัฒน์ ได้กล่าวแก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์ของทาง ASTV ว่า หินสีที่มีอยู่ในท้องตลาดขณะนี้ มีทั้งหินสีธรรมชาติที่เป็นของจริง หินสีปลอมที่ทำจากแก้ว เรซิ่น และพลาสติกขายปะปนกัน ผู้ซื้อจึงต้องรู้เท่าทันผู้ขาย และแยกแยะให้เป็นก่อนว่าอันไหนของจริง หรือของปลอม

6 วิธีเบื้องต้นสำหรับตรวจสอบหินสี

1. การสังเกตฟองอากาศโดยใช้ลูปส่องพระหรือกล้องส่องพระ กำลังขยาย 10 เท่าส่องเข้าไปที่เม็ดหิน หากเป็นหินปลอมที่ทำขึ้นจากแก้วหรือเรซิ่น ภายในจะเต็มไปด้วยฟองอากาศขนาดเล็กจำนวนมาก ที่เกิดขึ้นขณะการฉีดหรือเป่าแก้วของเครื่องจักรในโรงงาน ในขณะที่หินจริงจะไม่มีฟองอากาศ

2. การดูเส้นไหล หากเป็นหินปลอมจะปรากฏลายเส้นไหล ที่เกิดจากการหลอมของพลาสติก หรือสารที่ใช้ผสมในเรซิ่นหินปลอม ซึ่งมีลักษณะคล้ายลายของมวลน้ำตาลในขณะที่เรากวนน้ำเชื่อม ซึ่งในหินแท้จากธรรมชาติจะไม่พบเส้นไหล

3. น้ำหนัก เป็นสิ่งที่ไม่ควรใช้เทียบ เพราะแก้วบางชนิดมีน้ำหนักใกล้เคียงกับหินสี แต่ก็สามารถใช้เทียบในบางกรณีสำหรับหินสีพลาสติกที่จะมีความเบาจนผิดวิสัยของหิน

4. ดูลวดลาย หากลวดลายหรือตำหนิบนหินมีลักษณะเหมือนๆ กัน หรือตรงกันทุกจุด ให้สันนิษฐานได้ทันทีว่าเป็นของปลอม เพราะหินในธรรมชาติจะมีความแตกต่างกันในรายละเอียด

5. ดูมลทิน หรือ วัตถุแร่ภายใน โดยการใช้กล้องจุลทรรศน์อัญมณีที่มีกำลังขยาย 60-90 เท่า ซึ่งวิธีนี้ผู้เชี่ยวชาญจะนิยมใช้ดูตำหนิภายในเพื่อประเมินราคา และตรวจสอบชนิด

6.ใช้เครื่องรีแฟลกซ์โตมิเตอร์ (Reflactometer) ตรวจสอบชนิดหินสี ในกรณีไม่สามารถตรวจสอบตำหนิได้ชัดเจน เพื่อวัดค่าดัชนีหักเหเทียบกับค่ามาตรฐาน ซึ่งค่าที่ได้จากการวัดด้วยวิธีนี้จะบอกชนิดของหินสีได้อย่างชัดเจน

นอกจากนี้ วิธีสังเกตรอยต่อของตัวลูกปัดหินสีก็สามารถทำได้ โดยหินสีปลอมจากบางที่จะปรากฏรอยต่อที่เกิดจากความไม่เรียบร้อยของกระบวนการผลิต และอีกวิธีการหนึ่งที่ควรจะลองทำ คือ การนำไปตากแดดสักพักหนึ่งแล้วนำมาสัมผัส หรือนำมาอังไว้ที่แก้ม หินสีธรรมชาติจะยังคงความเย็นอยู่ ในขณะที่แก้วหรือเรซิ่นจะร้อน เพราะมีคุณสมบัติในการดูดความร้อน

03

เรื่องน่าสนใจ