เป็นอีกหนึ่งหนุ่มไฟที่น่าจับตามองอย่างยิ่งสำหรับ “โจ้-ณัฐวุฒิ ตรีวิศวเวทย์” ลูกชายคนเล็ก “ปลิว-สายเกษม ตรีวิศวเวทย์” ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) บริษัทรับเหมาชั้นแนวหน้าของเมืองไทย

0

โจ้ ณัฐวุฒิ หนุ่มหล่อวัย 32 คนนี้จบปริญญาตรี และปริญญาโทด้านการเงินที่อเมริกา เข้ามาช่วยงานที่ช.การช่างได้ประมาณ 2ปี เขาเคยใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศประมาณ 16 ปี เคยทำงานในบริษัทการเงินที่นิวยอร์ก อยู่ 6 ปี ก่อนตัดสินใจกลับมาช่วยธุรกิจครอบครัวเหมือนพี่ๆ อีก 2 คน

เมื่อเรียนจบปริญญาตรี ก็ได้ทุนเรียนต่อปริญญาโทและปริญญาเอก ที่ ม.สแตนด์ฟอร์ด โจ้เลือกเรียนการจัดการวิทยาศาสตร์และวิศวกรรม สาขาวิศวกรรมการเงิน เพราะพบว่าตัวเองมีความสนใจด้านการเงินด้วย แต่เรียนได้เพียง 2 ปีด้วยความไฟแรงอยากหาประสบการณ์จากการทำงาน ตัดสินใจเรียนแค่ปริญญาโทแล้วเดินทางหางานทำที่เมืองหลวงแห่งตลาดการเงินอย่างนิวยอร์ก

624

ซึ่งขณะนั้นต้องปากกัดตีนถีบพอสมควร ต้องไปหาอพาร์ตเมนต์อยู่กับเพื่อน ทั้งเขียนประวัติและโทรศัพท์หาบริษัทการเงินหลายแห่ง ขณะนั้นค่อนข้างหางานยากเพราะเศรษฐกิจไม่ค่อยดี บวกกับความที่เป็นชาวต่างชาติ ยิ่งต้องพยายามพิสูจน์ความสามารถให้เห็น โดยงานแรกที่ทำเป็นงานชั่วคราวเกี่ยวกับการซื้อขายตราสารอนุพันธ์ที่อินเตอร์เนชั่นนอล ฟันด์ เซอร์วิส มีหน้าที่วิเคราะห์ราคาตราสารอนุพันธ์เพื่อหาราคาที่เหมาะสมในการซื้อขาย

ทำงานอยู่ 4 ปี จึงเปลี่ยนการทำงานจากผู้ซื้อมาเป็นผู้ขายในการทำงานกับเทรดเดอร์ เพื่อกำหนดราคาขายตราสารอนุพันธ์ให้ธนาคารใหญ่จากอังกฤษอย่างบาร์ เคลย์เป็นเวลา 2 ปี ก่อนกลับมาทำงานที่ประเทศไทย เพราะรู้สึกอิ่มตัวกับการทำงานด้านการเงิน ซึ่งเขาได้รับความไว้ใจจากคุณพ่อให้คุมงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง ดูแลได้ประมาณ 1 ปีก็ไปดูสายสีเขียวต่อ ซึ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้น ทำให้เขาได้เรียนรู้ระบบการทำงานครบทุกกระบวนการ ซึ่งพบว่ามีรายละเอียดหลายอย่างที่ต้องดู

644

จากเดิมที่เคยทำงานด้านการเงิน เมื่อเปลี่ยนมาทำงานบริษัทเกี่ยวกับการก่อสร้าง ต้องเรียนรู้เพิ่มเติมทั้งเรื่องศัพท์ที่ใช้ในการก่อสร้าง และกระบวนการต่าง ๆ ตั้งแต่การตีราคาเพื่อยื่นซองประมูล ตลอดจนการพูดคุยกับคนในชุมชนบริเวณพื้นที่ก่อสร้าง โดยคุณพ่อเริ่มให้โจ้ไปศึกษาการทำงานที่ไซต์ก่อสร้างรถไฟฟ้าสีม่วงและสีเขียวจนคุ้นเคย

ในการทำงานด้วยความที่โจ้ยังใหม่ในธุรกิจด้านการก่อสร้าง ก็มีปัญหาอุปสรรคบ้าง แต่โจ้บอกว่าเมื่อมองอีกมุมหนึ่งถือเป็นความท้าทายที่ต้องพิสูจน์ความสามารถตัวเองว่าทำได้ บริษัท ช.การช่างฯ มีอายุ 40 ปี เป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลง แต่การเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องง่ายจึงต้องค่อย ๆ ปรับ

653

หลักการที่คุณพ่อสอนเสมอคือ การดำเนินงานทุกอย่างต้องนึกถึงผู้มีส่วนได้เสีย ลูกค้า หรือแม้กระทั่งชุมชน ซึ่งหากทำงานโดยไม่คำนึงถึงผู้คนรอบด้านอาจทำให้งานติดขัดไม่สามารถดำเนินต่อได้ นอกจากนี้การวางตัวและการพูดจากับผู้อาวุโสกว่าในบริษัทเป็นเรื่องสำคัญ เรื่องหนึ่งที่คุณพ่อสอนคือต้องรู้จักกตัญญู เมื่อเข้ามาบริหารงานแล้วหากมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน ต้องเลือกใช้วิธีการพูดที่ให้เกียรติผู้ที่อาวุโสกว่า เพราะบุคคลเหล่านี้เป็นผู้มีพระคุณที่มีส่วนทำให้ ช.การช่างเติบโต ต้องคอยดูแลคนที่เคยช่วยเหลือบริษัทมา

หลังจากนี้ในฐานะผู้บริหาร โจ้ยืนยันหนักแน่นว่าจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด และพยายามต่อยอดจากสิ่งที่คุณพ่อริเริ่ม

เรื่องน่าสนใจ