ปัญหาผิวหน้า ที่หนุ่มๆสาวๆอยากหนีให้ไกล

13180162_s

สิว มักเกิดขึ้นได้บ่อยใน ผู้ที่มีผิวมัน แต่ไม่แน่นอนเสมอไป สิว สามารถเกิดขึ้นได้กับ ผิวทุกประเภทสิวบนใบหน้ามีหลายรูปแบบทั้ง สิวอักเสบ สิวเสี้ยน สิวผด และสิวอุดตัน

สาเหตุการเกิดสิว

เกิดจากการอุดตันของน้ำมันในรูขุมขน  ซึ่งมีสาเหตุจากการกระตุ้นของฮอร์โมนเพศ  จึงมักพบมากในช่วงวัยรุ่น และ ในผู้ที่มีผิวมัน แต่ความจริงแล้วสิวเกิดกันได้ทุกวัย การแพ้สารเคมีบางชนิดในเครื่องสำอาง น้ำมัน และยาบางชนิด สามารถรบกวนการทำงานของต่อมไขมัน ทำให้เกิดการอุดตันเป็นสิวได้

นอกจากสิวแล้ว ยังมีปัญหาที่ตามมาหลังจากที่เกิดสิวแล้วยังคงทิ้งร่องรอยที่หลงเหลือ ให้เห็นเป็นรอยแดง รอยดำ หน้าไม่เรียบ หน้าเป็นหลุมให้เห็นอีกด้วย

การป้องกันและรักษาสิวเบื้องต้น

  1. อย่าแกะเกาหรือใช้มือสัมผัสใบหน้าบ่อยๆ เพราะมือที่สกปรกอาจมีเชื้อโรคที่ก่อให้เกิดการเกิดสิว
  2. อย่ารบกวนผิวหน้าบ่อยเกินไป เช่น การขัดหน้า การ ล้างหน้าบ่อยๆ
  3. ล้างหน้าให้สะอาด
  4. ใช้เลเซอร์ในการรักษาสิว และรอยที่เกิดจากสิวได้
  5. หากมีปัญหาขั้นรุนแรง หรือเป็นต่อเนื่องนานเกินไป ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อทำการรักษา

ฝ้า มักขึ้นบริเวณใบหน้า มีลักษณะสีน้ำตาลอมดำ อาจมีขนาดแตกต่างกัน บริเวณที่มักเกิดฝ้ามากที่สุด คือ โหนกแก้ม สันจมูก และอาจเกิดที่หน้าฝาก โดยแบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือ

  1. ฝ้าแบบตื้น จะอยู่ในระดับผิวหนังกำพร้า (ผิวหนังชั้นนอก) มักมีลักษณะเป็นสีน้ำตาลขอบชัด เกิดได้ง่าย และสามารถรักษาให้หายได้เร็ว นอกจากนี้ฝ้าชนิดนี้ยังรักษาโดยการใช้ยาทาฝ้าอ่อนๆ และ ครีมกันแดด ก็สามารถลบเลือนให้หายได้
  2. ฝ้าแบบลึก จะมีอาการผิดปกติ อยู่ในชั้นที่ลึกกว่าชนิดแรก โดยจะเกิดฝ้าใน ระดับที่ลึกกว่าผิวหนังกำพร้า จะเกิดความผิดปกติในระดับชั้นผิวหนังแท้ มีลักษณะเป็นสีม่วงๆ อมน้ำเงิน ขอบเขตไม่ชัด รักษาได้ยากกว่าฝ้าชนิดตื้น และไม่ค่อยหายขาด การใช้ยาทาฝ้าอ่อนๆ และ ครีมกันแดด เพียงแต่ช่วยให้ดีขึ้นเท่านั้น

สาเหตุของการเกิดฝ้า

ฝ้าเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน มีผลทำให้เกิดการกระตุ้นการทำงานของเซลล์สร้างเม็ดสีในชั้นผิวหนัง ปัจจัยเหล่านี้อาจได้แก่ แสงแดด ฮอโมนที่สร้างเม็ดสีผิดปกติ แพ้เครื่องสำอาง และ พันธุกรรม

 

การป้องกันและรักษาฝ้า

  1. ควร หลีกเลี่ยงจากแสงแดด ความร้อน โดยใช้สิ่งกำบังหรือป้องกัน เช่น ร่ม หมวก ผ้า คลุมหน้า เป็นต้น
  2. ไม่ ควรใช้ยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์
  3. ควร ทดสอบเครื่องสำอางก่อนใช้ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่เกิดอาการแพ้
  4. ปรึษาแพทย์ผิวหนังโดยตรงในการรักษา และ ก่อนใช้ยารักษาฝ้าควรปรึกษาเภสัชกรก่อนทุกครั้ง

กระ คือ จุดสีน้ำตาลกลมๆ ไม่มีรอยนูนเกิดขึ้นบนผิวหนัง เป็นจุดเล็กๆ จะเกิดขึ้นบริเวณต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งเกิดจากการสัมผัสกับแสงอาทิตย์เป็นระยะเวลานานๆ เกิดในบริเวณที่ผิวหนังบาง เช่น ส่วนบนของร่างกาย คาง จมูก แขน และไหล่ช่วงบน กระสามารถเกิดได้ตั้งแต่เด็กเล็กๆเลยทีเดียว

ประเภทของกระ

  1. กระตื้น ลักษณะเป็นจุดสีน้ำตาลเล็กๆ ขนาดไม่เกิน 0.5 ซม. มักจะขึ้นบริเวณใบหน้า
  2. กระลึก กระประเภทนี้จะเป็นลักษณะคล้ายๆเงาลึก คือเป็นจุดสีน้ำตาลเทาๆ ส่วนใหญ่แล้วจะพบบริเวณโหนกแก้ม
  3. กระเนื้อ ลักษณะของกระชนิดนี้คือจะเป็นตุ่มสีน้ำตาลหรือดำ อาจเป็นแบบผิวเรียบหรือขรุขระเหมือนก้อนเนื้อเล็กๆก็ได้ พบบริเวณใบหน้าหน้า คอ และลำตัว วิธีเดียวที่จะรักษาได้ก็คือ ยิงเลเซอร์ เนื่องจากรักษาได้ยาก
  4. กระแดด ลักษณะจะเป็นดวงสีน้ำตาล ผิวเรียบ พบในผู้สูงอายุหรือคนที่ทำงานกลางแจ้ง สามารถใช้ยารักษาให้สีของกระจางลงได้

วิธีป้องกันและรักษากระ

  1. หลีกเลี่ยงแสงแดดและป้องกันแสงแดดให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการทาครีมกันแดด ป้องกันแสงแดดโดยหมวกหรือร่ม ก็เป็นการป้องกันเบื้องต้นได้ดีทีเดียว
  2. ทาครีมรักษากระ หรือ สมุนไพรที่มีฤทธิ์ช่วยในการรักษาและให้กระลบเลือนลง
  3. เลเซอร์ ควรปรึกษาผู้เชียวชาญก่อนทุกครั้ง
  4. พบแพทย์ผิวหนังเพื่อทำการรักษาอย่างถูกวิธี

ข่าวดี!!!ถ้าคุณ อยากหน้าใส แบบฟรีๆ!!! วันนี้ โดดเด่น ร่วมกับ 6 คลินิกความงามชื่อดัง มีกิจกรรมดีๆมาฝาก “โดดเด่นเป็นป๋า พาหน้าใส!” ติดตามรายละเอียดได้ที่ http://goo.gl/CBDHx

faceora

เรียบเรียงโดย โดดเด่น เวปศัลยกรรมคุณภาพ อันดับ 1

เรื่องน่าสนใจ