ที่มา: voicetv

สมาร์ทโฟนเป็นสิ่งที่รบกวนสมองของเรา ข้อแนะนำเพียงหนึ่งเดียวที่ผู้เชี่ยวชาญได้แนะนำ ก็คือเก็บมันเอาไว้ในกระเป๋าเท่านั้น

679338

เว็บไซต์ต่างประเทศได้นำเสนอข่าวถึงเทคโนโลยีในยุคนี้เอาไว้ว่า หนึ่งในสามของคนเรามักจะมองไปที่โทรศัพท์มากกว่า 25 ครั้งต่อวัน – 1 ใน 10 คน จะหยิบสมาร์ทโฟนทันทีที่พวกเขาตื่น พฤติกรรมเหล่านี้เป็นการทำลายสมองของพวกเรา ซึ่งเป็นการทิ้งความสามารถในการตั้งสมาธิ หรือแม้กระทั้งเว้นช่วงให้เราสามารถคิดอย่างลึกซึ้งได้

Nicholas Carr นักเขียนด้านเทคโนโลยีและวัฒนธรรม ระบุว่า วิธีที่อินเตอร์เน็ทได้เปลี่ยนแปลงสมองของเรา กล่าวได้ว่าสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อินเตอร์เน็ทอื่นๆ ได้รบกวนเราอย่างต่อเนื่อง โดยการรบกวนรูปแบบความคิดของเรา ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหาย “สิ่งที่นักจิตวิทยาและนักวิทยาศาสตร์ด้านสมองได้บอกเกี่ยวกับการขัดขวางเหล่านั้นว่าจะมีผลกระทบต่อแนวทางทางการคิดของเราอย่างลึกซึ้งพอสมควร มันจะยากมากขึ้นในการรักษาความสนใจในการคิดเกี่ยวกับสิ่งหนึ่งในช่วงระยะเวลาที่ค่อนข้างยาว รวมไปถึงในการคิดอย่างลึกซึ้งเมื่อสิ่งกระตุ้นใหม่ได้พุ่งมาที่คุณตลอดทั้งวัน”

67634

Nicholas กล่าวต่อว่า “มันจะกลายเป็นสิ่งเลวร้ายในตอนนี้ถ้าหากเราพกพาอุปกรณ์ที่มีการเชื่อมต่อที่ถาวรไปอย่างต่อเนื่อง สิ่งนั้นจะแตกต่างอย่างมากในทางที่จะทำให้ผมกังวลต่อสิ่งเลวร้ายเหล่านั้นได้

เทคโนโลยีมีผลต่อหน่วยความจำของเราอย่างแน่นอน ถ้าคุณวอกแวกอย่างต่อเนื่องและเอาแต่พูดคุยถึงข้อมูลข่าวสารใหม่ๆ คุณก็กำลังผลักข้อมูลข่าวสารนั้นเข้าไปสู่และออกจากจิตสำนึกของคุณ คุณไม่ได้เข้าร่วมกับมันในหนทางที่จำเป็นสำหรับการรวบรวมที่เต็มไปด้วยของมูลของความทรงจำเหล่านั้น”

397286

“ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบียเผยให้เห็นว่า เมื่อคนเรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นสามารถทำให้เราค้นพบกับข้อมูลข่าวสารด้วยการออนไลน์ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งก็เป็นไปได้น้อยมากที่พวกเขาจะจำรูปแบบของข้อมูลเหล่านั้นได้ แต่ละ’สิ่ง’ที่เราได้ปรับนั้น ทำให้ผมกังวลใจอย่างที่สุด มันไม่ได้ใช้เวลานานนักสำหรับการทำให้ใครบางคนรับใช้ด้วยการเหลือบมองไปยังสมาร์ทโฟนของพวกเขา 200 ครั้งต่อวัน พวกเราได้สร้างความเคยชินทั้งทางร่ายกายและจิตใจไปแล้ว” Nicholas กล่าวเพิ่มเติม

ทั้งนี้ ทางเว็บไซต์ได้จัดทำผลสำรวจของผู้ที่ได้เข้ามาเปิดอ่านข่าวดังกล่าวเช่นกัน ในคำถาม “คุณรู้สึกอย่างไรที่สมาร์ทโฟนของคุณนั้นมีผลกระทบต่อสมองของคุณ?” พบว่าคำตอบกว่าร้อยละ 52 คือ รู้ แต่ไม่สามารถหยุดได้ รองลงมา ร้อยละ 18 คือ รู้ แต่ไม่สนใจ และ ไม่รู้ น้อยที่สุดในร้อยละ 18 จากผู้ตอบคำถาม 97 คน

เรื่องน่าสนใจ