ข้อควรระวังของการ ผ่าตัดศัลยกรรมถุงใต้ตา ไม่ได้มีเพียงแค่การดูแลรักษาแผลเท่านั้น แต่เอฟเฟคหลังจากที่ผ่าตัดแล้ว ก็ยังต้องจับตาดูกันต่อไป ซึ่งปกติเเล้ว ปัญหานี้ หากไม่หนักมาก จะใช้ฟิลเลอร์รักษา (ใช้ฟิลเลอร์ฉีดเข้าไปเติมใต้ตาให้เต็มช่วยให้ผิวดีขึ้นได้ก็จริง แต่เป็นเพียงแค่ชั่วคราว) แต่ถ้ามีปัญหาถุงไขมันใต้ตาเยอะ ผิวหย่อนเป็นริ้วรอยมาก การฉีดฟิลเลอร์เข้าไปจะยิ่งทําให้แย่ลง ดูแล้วไม่สวย การแก้ไขที่ดีและให้ผลกึ่งถาวร ต้องอาศัยการผ่าตัดโดยใช้ไขมันธรรมชาติของตัวเราเองถม ถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดในขณะนี้

ข้อควรระวังของการ ผ่าตัดศัลยกรรมถุงใต้ตา มีอะไรบ้างนะ?

การเย็บเก็บผิวไม่ให้เป็นรอยริ้วที่หางตา ต้องอาศัยฝีมือ และทักษะสูงของศัลยแพทย์อย่างมาก เพราะการกรีดแผล จะไม่กระทบห รือทําให้ขนตาร่วง หรือตาย (อยู่ที่ฝีมือของการกรีดศัลยแพทย์เป็นหลัก)

  • ควรแจ้งโรคประจําตัวและอาการแพ้ยาให้แพทย์ทราบก่อนการรักษา โดยเฉพาะคนไข้ที่เป็นโรคเลือด โรคไทรอยด์เป็นพิษ ต้องระวัง
  • การผ่าตัดในผู้สูงอายุ จะมีโคนขอบตาล่างไม่กระชับ ผิวหย่อนพร้อมที่จะปลิ้นอยู่แล้ว หากผ่าตัดไม่ดี อาจทําให้เปลือกตาแบะออกได้

  • คนไข้ที่มีกระบอกตาลึก ไม่ควรเอาไขมันใต้ตาออก นอกจากไม่ช่วยให้ดีขึ้นแล้ว ผิวหนังใต้ตาจะยิ่งแย่หนักกว่าเดิม
  • แนวโน้มการทําศัลยกรรมตาล่างสมัยใหม่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง การทําตาล่างในปัจจุบัน นอกจากตัดเก็บผิวหนังส่วนเกินออก เย็บจึงกล้ามเนื้อให้ตึง การแก้ไขเกี่ยวกับไขมันจะไม่พยายามเอาออกมากเหมือนสมัยก่อน คือมีการเอาไขมันออกน้อยลง และมักจะนําไขมันมาใช้ประโยชน์เพื่อทําให้ขอบตาล่างมีความอิ่มสมบูรณ์ ไม่เป็นร่องลึก ด้วยการถมหรือจัดเรียงให้ดูดีขึ้นกว่าเดิมนั่นเอง

••••••••••••••••••

อย่างไรก็ดี ไม่ควรคาดหวังว่า การผ่าตัดวิธีใหม่นี้จะทําให้ผิวใต้ตาดูเรียบตึงได้เหมือนเราใช้มือดึง เพราะการผ่าตัดตาล่างมีข้อจํากัดเรื่องปัญหา การดึงรั้งที่ขอบตาล่างที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอ ถ้ามีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น แพทย์จึงมักเหลือระยะปลอดภัย (Safety margin) ไว้เสมอ กล่าวโดยรวมคือ ผิวบริเวณตาเป็นจุดที่บอบบางมาก สังเกตเห็นได้ง่าย การผ่าเอาไขมันออกหรือตัดเก็บหนังร่วมด้วย ต้องอาศัย ศัลยแพทย์ที่มีความชํานาญสูง การวางแผนการรักษาให้ดีจึงเป็นสิ่งสําคัญ

 

เรียบเรียงเนื้อหาโดย Dodeden.com

เรื่องน่าสนใจ