หนังรักดราม่า “Fleet of Time” (หรือบางท่านอาจจะรู้จักในอีกชื่อว่า “Back in Time”) ภาพยนตร์จีนที่ทำรายได้เปิดตัวเป็นอันดับหนึ่งถึง 2 สัปดาห์ซ้อน นำแสดงโดย “เอ็ดดี้ ผิง” และ “หนีหนี่” ผลงานของผู้กำกับชื่อดัง “จางอี้ไป๋” รวมทั้งยังได้นักร้องสาวดีว่าแห่งเอเชียอย่าง “เฟย์ หว่อง” มาร้องเพลงประกอบให้ด้วย
ข้อมูล : มาดามอองทัวร์
Twitter: @MadamAutuer
“Fleet of Time” เรื่องราวความสัมพันธ์ของสองหนุ่มสาว “เฉินซวิ๋น” (เอ็ดดี้ ผิง) และ “ฟานหุย” (หนีหนี่) ที่เริ่มต้นตั้งแต่สมัยมัธยม จากความรู้สึกดีๆ ตามประสาเพื่อนร่วมชั้น พัฒนาเป็นเพื่อนร่วมกลุ่ม และเปลี่ยนเป็นความรักแบบหนุ่มสาวเมื่อเรียนจบ…สองหนุ่มสาวฝ่าฝันเรื่อง ราวและอุปสรรคต่างๆ มากมายเพื่อได้เรียนต่อที่เดียวกัน โดยไม่เคยคิดเลยว่าความรักก็เหมือนกับสิ่งอื่นๆ ในโลก ที่ไม่นิรันดร์ แต่อาจอยู่กับเราแค่ “ชั่วพริบตา”
“คำว่าตลอดไป ไม่ใช่ทั้งอดีต ปัจจุบัน หรือแม้แต่อนาคต
แต่หมายถึงช่วงเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกันต่างหาก”
ความรักของ “เฉินซวิ๋น” และ “ฟานหุย” เริ่มต้นได้น่ารักฟรุ้งฟริ้งตามประสาวัยรุ่นวัยใสค่ะ แต่วันเวลาที่ผ่านไป วัยที่มากขึ้น มาพร้อมกับ “ความเปลี่ยนแปลง” ทั้งไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิต ความรู้สึก และแน่นอน…ความต้องการและความคาดหวังที่เปลี่ยนไปด้วย จากความรักกุ๊กกิ๊ก เหมือนฤดูร้อนที่ดอกไม้ผลิบาน ความรักของทั้งสองก็เดินทางมาถึงฤดูหนาว ที่สร้างความหนาวเหน็บจับขั้วหัวใจ เพราะความรักเริ่มมีปัญหา
จะว่าไปเนื้อเรื่อง “Fleet of Time” นี้ก็เหมือนคลับฟรายเดย์เวอร์ชั่นจีนนี่แหละค่ะ เริ่มต้นด้วยความรักแบบใสๆ ทุกสิ่งทุกอย่างสวยงาม แม้แต่อุปสรรคก็เป็นแค่สิ่งกีดขวางเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ยากจะก้าวผ่านนัก แต่เมื่อความรักเดินมาถึงจุดที่ “ความคาดหวัง” อยู่เหนือเหตุผล ก็ทำให้ความสัมพันธ์แนบแน่นเกิดรอยร้าว
ถือเป็นหนังรักที่มีวิธีเล่าเรื่องได้น่าสนใจทีเดียวค่ะ (แม้ว่าจะอึนๆ บางช่วง เหมือนถูกตัดอารมณ์ จากเศร้าๆ กลายเป็นมุกตลกดื้อๆ) โดยเรื่องราวทั้งหมดถูกถ่ายทอดผ่านมุมมองของพระเอก ตอนที่เขาเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว มองย้อนกลับไปยังอดีต ที่เหมือนเป็นปมบางอย่างค้างคาใจในชีวิตเขา ซึ่งต้องอาศัยความตั้งใจดูสักนิดค่ะ ใครหลุดๆ ไปกลางเรื่องก็อาจจะมึนๆ ได้
เรื่องราวความรักถือว่าดราม่าเอาเรื่องทีเดียวค่ะ อย่างที่บอก เหมือนคลับฟรายเดย์เวอร์ชั่นจีน แต่ยังมีกลิ่นอายความโรแมนซ์แฝงอยู่เบาๆ พอให้ผู้ชมจิ้นได้บ้างพอหอมปากหอมคอ ที่สำคัญเพลงประกอบเพราะมากค่ะ เข้ากับบรรยากาศของเรื่องเป็นอย่างดี และในบางฉากก็ทำให้เข้าใจอารมณ์และความรู้สึกตัวละครมากขึ้นด้วย
ที่สำคัญเรื่องนี้ทำให้เราเห็นค่าของ “ความรัก” และ “ความสุข” มากขึ้นค่ะ ว่าบางครั้งมันก็อยู่แค่ “ชั่วพริบตา” เดียว