ภาวะอ้วนลงพุง กับกลไกการเกิดรอบเอวที่ต้องระวัง! โดยทั่วไปเมื่อไขมันสะสมมากขึ้น จะถูกนําไปเก็บไว้ในเซลล์ไขมันที่มีอยู่ทั่วร่างกาย ได้แก่ ในชั้นใต้ผิวหนังที่อยู่รอบอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อวัยวะในช่องท้อง และแผงโอเมนตั้ม (ommentum) ดังนั้น เมื่อมีไขมันสะสมในช่องท้องมากๆ จะเห็นหน้าท้องยื่นออกมาชัดเจน 

 

ภาวะอ้วนลงพุง กับกลไกการเกิดรอบเอวที่ต้องระวัง!

พลังงานที่เหลือใช้จากอาหารที่กินมากเกินไป จะถูกเปลี่ยนแปลงให้เป็นพลังงานสํารองในรูป glycogen เก็บไว้ที่ตับและกล้ามเนื้อลาย และกรดไขมันอิสระเก็บไว้ในเซลล์ไขมันที่มีอยู่ทั่วร่างกายเป็น ไตรกลีเซอไรด์ (triglyceride) หรือ ไตรอะชิลกลีเซอรอล (triacylglycerols) การเก็บพลังงานสํารองในรูปไกลโคเจนมีขีดจํากัดในปริมาณ แต่ที่เซลล์ไขมันไม่มีขีดจํากัดชัดเจน เซลล์ไขมันจะขยายขนาดใหญ่ขึ้นตามปริมาณไตรกลีเซอไรด์ที่เพิ่มขึ้น ในขณะอดอาหาร มีการสลายไกลโคเจนที่สะสมในตับเป็น กลูโตล ส่งไปให้เซลล์ใช้เป็นพลังงาน และตับสามารถเปลี่ยนกรดไขมันอิสระให้เป็นสารคีโตน (ketone) เพื่อใช้เป็นพลังงานได้

ภาวะอ้วนลงพุง
ภาพจาก blog.virtahealth.com

เมื่อร่างกายมีความต้องการพลังงานเพิ่มเติม เช่น ในขณะออกกําลังกาย กล้ามเนื้อจะสลายไกลโคเจนซึ่งมีจํานวนจํากัดเป็นกลูโคสมาใช้ก่อน ต่อมาจึงสลายไตรกลีเซอไรด์ในเซลล์ไขมันเป็นกรดไขมันอิสระ ซึ่งจะผ่านกระบวนการตัดแปลงที่ตับให้เป็นกลูโคส (gluconsogaresis) ส่งไปยังกล้ามเนื้อและอวัยวะต่างๆ เพื่อใช้เป็นพลังงาน และตับสามารถสร้างกลูโคสจากสารอื่นได้ คือจาก แลคเดต กรดอะมิโน เมื่อออกกําลังกายเป็นเวลานาน กล้ามเนื้อลายใช้ทั้งกลูโคส และกรดไขมันอิสระเป็นพลังงานได้

ความอยากอาหาร ความรู้สึกอิ่ม และการเก็บสะสมไขมันในเซลล์ไขมัน มีกลไกควบคุมที่ซับซ้อน โดยศูนย์ควบคุมในระบบประสาทส่วนกลางไฮโปทาลามัส (hypothalamus) ประสาทเวกัส และฮอร์โมนจากหลายแหล่ง เช่น เล็ปดิน (leptin) จากเซลล์ไขมันอินซูลิน (Insulin) ฮอร์โมนเพศเอสโตรเจน เป็นต้น

ภาวะอ้วนลงพุง
ภาพจาก nature.com

เซลล์ไขมันมี 2 กลุ่มใหญ่
คือเซลล์ไขมันในชั้นใต้ผิวหนัง และเซลล์ไขมันที่อยู่สัมพันธ์กับอวัยวะต่างๆ เช่น หัวใจ ไต ลําไส้ หลอดเลือด โดยทั่วไป การเก็บสํารองพลังงานในเซลล์ไขมันจะกระจายไปทั่วร่างกาย เมื่ออ้วนมาก จึงมีรอบเอวใหญ่ขึ้นตามน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น (อ้วนและลงพุง)

  • เซลล์ไขมันขาว (white adipose tissue)
  • เซลล์ไขมันสีน้ำตาล (brown adipose tissue)
    ทั้งสองมีความแตกต่างของคุณสมบัติในแง่การเผาผลาญพลังงาน (Thermogenic capacity)  เชื่อว่าเซลล์ไขมันสีน้ำตาลเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน มีส่วนทําให้การสะสมไขมันลดลง

ปัจจัยส่งเสริมให้การสะสมไขมันที่เซลล์ไขมันในอวัยวะช่องท้องที่พบได้แก่ เพศ แอลกอฮอล์ อาหารบางประเภท การสูบบุหรี่ ฮอร์โมนเพศชายต่ำ ความผิดปกติทางพันธุกรรม

ภาวะอ้วนลงพุง

เพศ
เพศชายมีไขมันในช่องท้องมากกว่าเพศหญิง เมื่อน้ำหนักขึ้น ลักษณะอ้วนจะเป็นแบบอ้วนที่พุง (android type of obesity) ส่วนผู้หญิงไขมันจะสะสมที่สะโพกและต้นขา ลักษณะเป็นอ้วนที่ส่วนล่าง (Gynoid type of obesity)

ฮอร์โมนเพศชายต่ำในชายสูงวัย
ชายสูงวัยที่มีระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนในเลือดต่ำ จะมีลักษณะของกลุ่มอาการเมแทบอลิค (metabolic yndrome) เป็นส่วนใหญ่ ระดับฮอร์โมนที่ต่ำ เชื่อว่าส่วนหนึ่งอธิบายได้จากระดับโกลบูลินที่จับกับฮอร์โมนในเลือดลดลง แต่ระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนอิสระในเลือดลดลงเช่นกัน อีกส่วนหนึ่งอาจเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยอื่นๆ เช่น ฮอร์โมนเล็ปดิน หรือรีเซ็ปเตอร์ที่รับฮอร์โมนเพศชาย (androgen receptor) หรือเอนไซม์ในกระบวนการสร้างฮอร์โมนเพศชาย ทําให้มีรอบเอวใหญ่ และกลุ่มชายที่มีภาวะขาดหรือพร่องฮอร์โมนเพศ จะพบลักษณะเดียวกัน

ภาวะอ้วนลงพุง

แอลกอฮอล์
การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในปริมาณเกินกําหนด และต่อเนื่อง ทําให้มีไขมันสะสมในช่องท้องมากขึ้น 2-3 เท่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดื่มเบียร์ น่าจะอธิบายจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเล็ปตินกับอะติโปเน็คติน ซึ่งพบจากการศึกษาในหนูทดลอง แต่ไม่สัมพันธ์กับการเกิดภาวะซื้ออินซูลิน

อาหารบางประเภท
การกินอาหารที่มีไยอาหาร (dietary fiber) สูง มีความหวาน และปริมาณคาร์โบไฮเดรตน้อย ช่วยป้องกันการเพิ่มของน้ำหนักและรอบเอว การดื่มเครื่องดื่มที่ผสมน้ำตาล และน้ำผลไม้ประจําวันละ 2 แก้ว ทําให้น้ำหนักขึ้นและอ้วนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้ำตาลฟรุกโตสจากข้าวโพด (high fructose com syrup) ซึ่งนิยมใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มบรรจุขวดหรือกระป๋อง เพิ่มการเก็บสะสมไขมันในช่องท้อง

ภาวะอ้วนลงพุง

การสูบบุหรี่
คนที่เคยสูบบุหรี่ หรือกําลังสูบบุหรี่ มักมีเปอร์เซ้นต์มีไขมันในช่องท้องสะสมเพิ่มขึ้น

ความผิดปกติทางพันธุกรรม
ความผิดปกติทางพันธุกรรม เป็นปัจจัยหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับน้ำหนักตัว และการสะสมไขมันในร่างกาย โดยมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวตล้อม อาจเป็นความผิดปกติของยีนที่สัมพันธ์กับอ้วนโดยตรง 

…………………………………………………………………..

โดยสรุป น้ำหนัก ส่วนสูง และรอบเอว เป็นข้อมูลที่วัดได้ง่าย และใช้เป็นเกณฑ์กําหนดภาวะอ้วนและอ้วนลงพุงทั่วโลก ซึ่งปัจจัยภายในและสิ่งแวดล้อมหลายอย่าง ส่งเสริมให้น้ำหนักและรอบเอวเพิ่มขึ้นจนเกิดภาวะอ้วนและอ้วนลงพุงนั่นเอง

 

เนื้อหาโดย Dodeden.com

เรื่องน่าสนใจ