วัคซีนเอพีวี เพื่อนซี้ของผู้หญิง กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ป้องกันมะเร็งปากมดลูก ซึ่งมะเร็งปากมดลูก เป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในมะเร็งของสตรีไทย มีผู้ป่วยใหม่ ปีละ 6,000 – 7,000 ราย ซึ่งเสียชีวิตประมาณร้อยละ 40 – 50 ซึ่งสาเหตุของมะเร็งปากมดลูก เกิดจากการติดเชื้อไวรัสแพปพิโลมาในมนุษย์ (human papillomavirus) เรียกย่อๆ ว่าเชื้อ “เอชพีวี (HPV)”
ตรวจคัดกรองมะเร็ง ช่วยป้องกันตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และรักษาให้หายขาดได้
เชื้อเอชพีวี เป็นไวรัสที่ชอบเซลล์บุผิวของอวัยวะเพศและผิวหนัง เชื้อเอชพีวี นี้มี 2 ชนิดคือ ชนิดดุน้อย หรือสายพันธุ์ความเสี่ยงต่ำ เชื้อชนิดนี้ไม่ก่อมะเร็ง และชนิดดุมาก หรือสายพันธุ์ความเสี่ยงสูง ซึ่งก่อมะเร็ง
ไวรัสสายพันธุ์ดุ มีประมาณ 15 – 20 สายพันธุ์ เมื่อมีการติดเชื้อฝังแน่นแล้ว จะใช้เวลาในการกลายเป็นมะเร็งนานประมาณ 5 – 15 ปี สาวๆ ที่มีเพศสัมพันธุ์แล้วจะมีโอกาสติดเชื้อเอชพีวีประมาณร้อยละ 50 – 80 แต่จะหายไปได้เองมากกว่าร้อยละ 90 โอกาสเป็นมะเร็งปากมดลูกน้อยมาก ไม่เกินร้อยละ 0.5 การติดเชื้อเอชพีวีที่ปากมดลูกจะไม่มีอาการผิดปกติใดๆ
มะเร็งปากมดลูก เกิดจากการติดเชื้อเอชพีวี สายพันธุ์ 16 และ 18 ประมาณ ร้อยละ 70 วัตซีนเอชพีวี จึงป้องกันมะเร็งได้เฉพาะที่เกิดจากเชื้อไวรัส 2 สายพันธุ์นี้ เชื้อเอพีวี ที่เหลืออีกร้อยละ 30 ไม่สามารถป้องกันได้ ซึ่งการฉีดวัคซีนเอชีวี ควรฉีดก่อนที่จะมีการติดเชื้อไวรัสนี้ คือก่อนมีเพศสัมพันธ์ ถ้ามีการติดเชื้อเอชพีวีแล้ว ประสิทธิภาพของวัคซีนจะลดลง
การฉีดวัคซีนเอชพีวีในเด็ก ที่อายุ 10 – 14 ปี จะมีภูมิคุ้มกันสูงกว่า การฉีดในช่วง อายุ 15 – 25 ปี ประมาณ 2 เท่า การฉีดวัคซีนในสาวๆ ที่อายุมากกว่า 25 ปี สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้เช่นกัน แต่ระดับภูมิคุ้มกันจะต่่ำกว่าผู้หญิงที่อายุ 15 – 25 ปี เล็กน้อย สาวๆ ที่มีเพศสัมพันธ์แล้ว ถ้าไม่เคยได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก หรือแปปสเมียร์มาก่อน ควรทําการตรวจก่อน ถ้ามีความผิดปกติ ต้องรักษาให้หายก่อนที่จะฉีดวัคซีน ถ้าทําแปปสเมียร์อย่างสม่ำเสมอ และมีผลปกติ สามารถฉีดวัคซีนเอชพีวีได้
……………………………………………………………………….
หลังฉีดวัคซีนเอชพีวีแล้ว ต้องมารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก หรือแปปสเมียร์ตามที่แพทย์นัด เพราะวัคซีนไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อเอชพีวีได้ทุกสายพันธุ์
เนื้อหาโดย Dodeden.com
สนใจหาข้อมูลและปรึกษาศัลยกรรมได้ที่นี่