ช่วยปกป้องการทำลายเซลล์ผิวหนัง จากรังสีอุลตร้าไวโอเลตในแสงแดด ซึ่งเป็นต้นเหตุของมะเร็งผิวหนัง และยังทำให้เกิดการสร้างเม็ดสีใต้ผิวหนัง สำหรับสาวเอเชียอย่างเราโอกาสที่จะเกิดมะเร็งผิวหนังมีไม่มากเหมือนคนฝั่งยุโรป ดังนั้นการใช้ครีมกันแดดของสาวเอเชียอย่างเราจึงมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการเกิดจุดด่างดำบนผิวหนังและทำให้ผิวขาวใสดังเดิมมากกว่า และเพื่อประโยชน์และการใช้งานครีมกันแดดให้เกิดประโยชน์สูงสุดวันนี้แอดมินมีวิธีการเลือกและใช้ครีมกันแดดอย่างถูกวิธีมาฝาก
1. ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่าการปกป้องผิวจากแสงแดดทั้งยูวีเอ (UVA) และยูวีบี (UVB) ภายในหลอดเดียวกัน
ดูค่า SPF (Sun Protective Factor) ซึ่งเป็นตัวบอกว่า ป้องกัน UVB ได้กี่เท่า ส่วน UVA ยังไม่มีค่ามาตรฐาน ปัจจุบันนิยมใช้ PA และเครื่องหมาย + โดยเลือกให้เหมาะสมกับสภาพและปัญหาผิวของตน รวมถึงกิจกรรมที่ต้องเผชิญกับแสงแดด สำหรับสาวออฟฟิตที่ไม่โดนแสงแดดมากเท่้าไหร่ ควรเลือกครีมกันแดด SPF มากกว่า 15 และ PA++ ขึ้นไป ก็เพียงพอ เพราะปกติคนไทยมีผิวคล้ำซึ่งเม็ดสีสามารถป้องกัน UVB ได้บ้างแล้ว
2. ควรทดลองครีมกันแดดก่อนใช้งานจริง
โดยทาครีมกันแดดบริเวณท้องแขน แล้วรอดูอาการภายใน 24 หรือ 72 ชม. ถ้าไม่มีอาการแพ้ อาทิเช่น ผื่นแดง คัน บริเวณที่ทดสอบ ก็สามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีที่เรามีผิวแพ้ง่ายไวต่อแสงแดดหรือแพ้แสงแดดก็ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่ผ่านการทดสอบภายใต้ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ หลีกเลี่ยงส่วนประกอบที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง แนะนำครีมกันแดดที่ปราศจากน้ำหอมและสารกันเสียพาราเบน (parabens) ค่ะ
3. ก่อนออกไปนอกบ้านหรือไปเจอแสงแดด ควรทาครีมกันแดดก่อนประมาณ 30 นาที
และทาปริมาณ 1 กรัม หรือ ประมาณเต็ม 2 ข้อนิ้วชี้ ต่อการทาทั่วใบหน้า ในการทาควรทาอย่างน้อย 2 รอบ เพื่อให้ครีมซึมซาบลงสู่ผิว จำนวนครั้งที่ทาต่อวันก็สำคัญนะคะ ถ้าอยู่ในออฟฟิศ ห้องแอร์ ทาวันละครั้งก็เพียงพอค่ะ แต่ถ้าเล่นน้ำหรือหลังเหงื่อออกมากควรทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง เพื่อประสิทธิภาพในการปกป้องที่ดีกว่า อย่าลืมส่วนต่างๆ ของร่างกายที่มักถูกมองข้าม เช่น ท้ายทอย ใบหู หลังมือ หลังเท้า เหล่านี้ก็ต้องทาครีมกันแดดด้วยเช่นกัน
4. นอกจากการทา ครีมกันแดดแล้ว สิ่งสำคัญคือหลีกเลี่ยงแสงแดดให้ได้มากที่สุด
โดยการใส่แว่น ใส่หมวกกางร่ม เนื่องจาก ครีมกันแดด ไม่ว่าจะมีค่า SPF สูงเพียงใด ก็ไม่สามารถกันแดดได้ 100 % ค่ะ
Credit : http://www.charme.in.th
