ที่มา: TNN 24

วันนี้ (26 ม.ค.59) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข(รองปลัดสธ.)และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข(โฆษกสธ.) เปิดเผยว่า ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยารายงานสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันทำให้หลายพื้นที่มีอากาศหนาวเย็นร่วมกับมีฝนตกส่งผลให้เด็กเล็ก ผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัว เสี่ยงเจ็บป่วยที่พบบ่อยคือ โรคไข้หวัดใหญ่และปอดบวม แต่ละปีพบผู้ป่วยประมาณ 200,000 คน เสียชีวิตปีละ 1,000 กว่าราย 

23

โดยในปี2559 ข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตั้งแต่ต้นปีจนถึง 18 ม.ค.2559 พบผู้ป่วยทั้ง2โรค รวมกัน8,000กว่าคน โดยโรคไข้หวัดใหญ่พบผู้ป่วย 1,936 คนไม่มีผู้เสียชีวิต โรคปอดบวม พบผู้ป่วย6,407 ราย เสียชีวิต 5 ราย ได้กำชับสำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัดทั่วประเทศ ประชาสัมพันธ์ย้ำเตือนให้ความรู้ประชาชนในการป้องกันการเจ็บป่วย และขอให้โรงพยาบาลทุกแห่ง ดูแลรักษาผู้ป่วยตามมาตรฐานการรักษารวมทั้งป้องกันการเกิดโรคแทรกซ้อนที่จะตามมาหลังการป่วย

สำหรับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่มีหลายสายพันธุ์ เชื้อจะอยู่ในน้ำมูก น้ำลาย หรือเสมหะของผู้ป่วย ติดต่อได้ง่ายจากการไอหรือจาม หรือ เชื้อติดมากับมือ อาการของโรคมักจะเกิดขึ้นทันทีทันใดด้วยอาการไข้สูง ตัวร้อน หนาว ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อมาก ปวดศีรษะ อ่อยเพลีย เบื่ออาหาร คัดจมูก มีน้ำมูกใสๆ ไอ ไข้มักเป็นอยู่2-4วัน และค่อยๆ ลดลง อาการจะค่อยๆ ดีขึ้น การป้องกันการเจ็บป่วยในช่วงฤดูหนาว

ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนยึดหลักสุขอนามัยที่ดี หมั่นล้างมือด้วยน้ำและสบู่ หลีกเลี่ยงคลุกคลีกับผู้ป่วย ไม่ใช้ของใช้ร่วมกับผู้ป่วยไม่อยู่ในที่ที่มีผู้คนแออัดและอากาศถ่ายเทไม่ดีมีมลพิษ หรือ อากาศเย็นจัดเป็นเวลานานสวมเสื้อผ้าหนาๆให้ความอบอุ่นร่างกายอย่างเพียงพอ อยู่ในบริเวณที่อบอุ่น ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6-8แก้ว และควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจเกิดอันตราย เช่น การดื่มเหล้าคลายหนาว การผิงไฟในที่อับอากาศถ่ายเทไม่สะดวก รวมทั้งการนำเสื้อกันหนาวมือสองที่ไม่ได้ทำความสะอาดมาใช้ เป็นต้นหากสงสัยป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ และอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ควรพบแพทย์ทันทีเพื่อรับการรักษาป้องกันภาวะแทรกซ้อนโรคและการเสียชีวิต

เรื่องน่าสนใจ