ที่มา: Beambbeam

เนื้อหาบางส่วนโดย Dodeden.com 

เป็นเรื่องราวดีๆ ที่ Dodeden.com ขอนำมาฝากให้กับทุกคนที่กำลังอยู่ในช่วงสร้างแรงบันดาลใจอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง ลดน้ำหนักให้ตัวเองนั้นหุ่นดี ดูดีขึ้นอีกแล้วล่ะค่ะ เมื่อมีสมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอมชื่อว่า beambeam ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวความสวยที่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ สร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวเองจนสามารถพิชิตใจตัวเองลดน้ำหนักจากสาวอ้วนกว่า 80 กิโล สู่สาวสวยหุ่นเพรียวน้ำหนักเพียง 50 กว่ากิโลเท่านั้น เรื่องราวจะเป็นอย่างไรมาติดตามกันได้เลยค่ะ! 

“ตั้งแต่จำความได้ตอนเด็กๆ ก็เป็นเด็กจ้ำม่ำๆแล้ว ภาพในความทรงจำคือ อาก๋ง นั่งซอยขาหมูพะโล้ให้หลานกิน ด้วยความที่บ้านเป็นคนจีนก็เชื่อว่าขุนหลานให้อ้วนๆ หลานจะได้ดูสุขภาพดี  งานใหญ่ก็ตกสู่หลานสิครับ วันๆคือกิน กิน กินนนนน ทุกอย่างอร่อยไปหมด ผลก็คือ หนูกลายเป็นผู้หญิงที่ตัวใหญ่ที่สุดในชั้นเรียน ตอนประถมเคยมีเรื่องกะเพื่อนผู้ชายในห้อง ตีกะผู้ชายค่าาา เพื่อนคนนั้นต้องยอมค่าาา เพราะเราตัวใหญ่กว่าเยอะ ชนะใสใส

พอขึ้นมาชั้นม.1 ก็ย้ายโรงเรียน ก็อารมณ์เดิมๆ หนูตัวใหญ่สุดในห้อง ตอนนั้นรู้สึกไม่ค่อยเป็นปมด้อยเท่าไรนะคะ เพื่อนในห้องก็รัก เพราะหนูเอาความตลกเข้าสู้ เราก็กลายเป็นจุดเด่นของเพื่อนในห้องล่ะ เป็นหัวหน้าแก๊งค์ชะนีน้อยม.ต้น ไม่เคยคิดว่าตัวเองอ้วนแล้วมีปมอะไรเลย สวยๆ เกร๋ๆ

21

 

จนถึงวันนึงหนูแอบชอบเพื่อนในห้อง  ตอนนั้นคือ ชอบมาก แอบมองตลอดได้ฟีลแบบ น้ำแอบมองพี่โชน แค่เห็นกระเป๋าก็ชื่นใจ (หนูเชื่อนะคะ ทุกคนต้องเคยผ่านฟีลแบบ แอบส่องคนที่ชอบ แต่ทำเป็นไม่มอง เก๊กสวย 5555+)  จนเราก็กลายเป็นที่ปรึกษาเขาคะ เขามาชอบเพื่อนเรา ก็เชียร์ไปตามเรื่องราว ความจริงคือนั่งร้องไห้ <ยิ่งกว่าละคร>  จนเพื่อนคนนี้ก็จีบติด เป็นแฟนกันสักพักนึงก็เลิกกัน ล่ะมันก็ไปจีบคนใหม่ หนูกะมันก็ยังเหมือนเดิม ที่ปรึกษาที่ดี หึหึ เคยคิดจะไปสารภาพกะมันให้จบๆนะ แต่มันเหมือนรู้ พูดตัดก่อนว่า “แกเป็นคนดีนะ ถ้าไม่ติดว่าแกอ้วน เค้าจีบแกล่ะ ” จุกค่าาาาาา หนูก็ทำเป็นตลกกลบเกลื่อน ใครจะชอบบ้าหรอ (ในใจนี้ช้ำทรวง ) นี้เลยเป็นจุดแรกที่คิดจะลดน้ำหนัก

22

ชีวิตก็ผ่านไปจนขึ้นมอสี่ หนูก็ย้ายไปอีกโรงเรียน ย้ายไปเจอสังคมใหม่ รู้สึกเลย ทำไมเพื่อนมีแต่คนขาวๆ สวยๆ ปมด้อยมันเกิดค่าา รู้สึกไม่มีตัวตน 55555+ มโนไปนั้น จำได้ว่าน้ำหนักตอนนั้นคือ 68 ยังไม่ได้คิดจะลดจิงๆจังๆนะคะ สูตรอดอาหารตามเน็ต ก็ทำตามกะเพื่อนอีกคนนึง ทำตามสูตรได้วันนึง วันต่อมาจัดเนื้อย่าง ชุดใหญ่ 3 ชุด กินกันแค่สองคน(ผู้หญิงทั้งคู่ด้วยนะคะ ใสใส)  เป็นงี้ทุกๆอาทิตย์ กินเนื้อย่างบ่อยจนพี่เจ้าของร้านจำได้ อุดหนุนจนพี่เจ้าของร้านเจ๊ง ย้ายร้านหนี เอ๊ะ!! ไม่ใช่ล่ะ 5555+

เคยมีไปซื้ออาหารเสริม ก็คิดว่าจะช่วย มันก็มีอย.นะคะ ยามันเม็ดใหญ่มาก กลืนทีลำบากมาก กล่องนึงก็หลายพัน พอกินได้วันที่สองที่สามก็เลิกกินล่ะ รู้สึกกลัวตัวเองกินยาล่ะตายคะ ชีวิตก็วนไปวนมา สักพักก็ไปซื้อยี่ห้อใหม่มา เลิกกิน วนไปวนมา รู้ตัวอีกทีน้ำหนักก็พุ่งไป 74 ล่ะ

23

พอขึ้นมามอหก ช่วงนั้นจุดพีคชีวิตเลย วันๆมีแต่เรียนพิเศษ เรียนจนตีสอง ตีสาม ระหว่างเรียนคือนั่งกินค่ะ พี่ที่สอนก็ใจดีมว้ากก เห็นเราเป็นน้องสาวสุดสวย  มีขนมอะไร ขนออกมาให้เรากินหมดเบย เรียนๆไปสนุกสนาน ไม่เคยมีคำว่าหิวเข้ามาหาเลยนะคะ

ตอนนั้นมีช่วงติดเค้กกับติดทุเรียน คือติดเป็นบ้าเป็นบอ ซื้อเค้กก้อนปอนด์นึง มานั่งกินคนเดียวบ้าง สลับกะการซื้อทุเรียน อิชั้นไม่ซื้อเป็นชิ้นๆ ที่เขาขายนะคะ เดี๋ยวมันกินไม่จุใจ ซื้อเป็นลูกเลยค่าา มันนั่งกินเล่นระหว่างอ่านหนังสือ ใสใส 5555+ เคยก้มมองปลายเท้าตัวเอง นอกจากจะไม่เห็นปลายเท้านะคะ ที่เจ็บกว่าคือ “พุงนำหน้านมค่าา” เลยไปชั่งน้ำหนักดู ผลคือ น้ำหนักนี่พีคเลยค่ะ 83 กิโล แม่เจ้า!!! อีก 17 กิโลจะ 100 ถ้าทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ 100 โลไม่ใช่เรื่องยากเลย

24

 

ถึงคราวที่คิดจะลดน้ำหนักอย่างจริงๆจังๆล่ะ รู้ไหมค่ะหนูทำไง ….ไปขอแม่เข้าคอร์สลดน้ำหนักในห้าง (spa…..) ตัวแม่นั้นก็ใจดี กลัวลูกอ้วนตาย หายใจไม่ออก ก็ให้ค่าา คอร์สนั่นก็น่าจะห้าหมื่นได้มั้ง  ในคอร์สเขาก็จะเริ่มต้นในเรา ชั่งน้ำหนักก่อน เอาไปเข้าผ้าห่มอบตัวบ้าง ช็อตไฟฟ้าบ้าง นวดให้บ้าง สุดท้ายของแต่ล่ะครั้ง ก็จะให้อาบน้ำล้างตัว เราก็ฉิ่งฉ่องออกไป กลับมาชั่งน้ำหนักก็หายไปทีละ ครึ่งโล //แน่สิ ที่ลงนี่คือมีแต่น้ำออกไป เป็นงี้ไปจนจบคอร์ส น้ำหนักก็เท่าๆเดิม บวกลบสองกิโล เฟลมากมาย ห้าหมื่นที่เสียไป 

เข้าสู่ยุคมืดในการลดน้ำหนัก ที่ยังส่งผลเสียมาถึงทุกวันนี้คือ หนูหันมากินชาที่เป็นยาระบาย คนขายก็บอกว่าไม่มีผลต่อลำไส้เรา เลิกกินก็ถ่ายเองได้ปกติ หนูก็เชื่อค่ะ ฉลาดมากกก 5555 ก็ใช้ชีวิตเหมือนเดิมกินๆเข้าไป กินชา ระบายออก น้ำหนักไม่ขึ้น วินๆสวยๆ หารู้ไหมกลายเป็นเราไปสอนลำไส้ใหญ่ขี้เกียจ หลังๆ คือต้องเพิ่มโดส เพราะไม่กินก็ไม่อึเลย เลยเลิกวิธีนี้ไปเพราะสงสารร่างกายตัวเอง

จบมอหกน้ำหนักหนูก็ประมาณ 83-85 ขึ้นๆลงๆ พอเราได้ที่เรียนต่อ เราก็เอาหน้าสวยๆไปขอแม่ว่า “ม๊าคับ เตียงเห็นเพื่อนไปฟิตเนส FF เพื่อนผอมลงเยอะมาก ขอไปสมัครด้วยได้ไหมสัญญา จะตั้งใจลด นะๆๆๆ//ส่งสายตาวิ้งๆ” ซึ่งก็แน่นอน ม๊าไม่ขัดใจ เสียเงินสมัครไปครึ่งปี มีค่าแรกเข้าด้วยค่าา รวมๆ ก็หลายหมื่น มีมาเสนอขายคอร์สเทรนเนอร์ให้ จำได้ว่าแพงมากกกก สำหรับหนูยังหาเงินเองไม่ได้ ก็เลยไม่เอา ออกเองก็ได้ สวยๆ เกร๋  ก็สัญญากับตัวเองว่าจะตั้งใจ แรกๆก็ฮึบ ไปออกได้สามวัน เกิดการขี้เกียจ ผลัดวันไปเรื่อยๆ จากวันเป็นเดือน ม๊าถามว่าทำไมไม่ไป เราก็ทำหน้าเศร้าๆ บอกม๊าว่า ไม่มีเวลา เรียนก็หนักแล้ว ดราม่าเข้าไปสิ ม๊าก็สงสารไม่ว่าอะไร แต่ก็คงเอือมๆ จนคอร์สครึ่งปีก็จบไป รวมๆเราก็ไปไม่ถึง 15 ครั้งด้วยซ้ำ /อยากย้อนกลับไปด่าตัวเอง อิขี้เกียจ 555555

25

เข้าสู่การปฏิวัติ…
ถึงคราวที่จะเปลี่ยนตัวเองจริงๆ หลักๆก็คือ
1. หาแรงบันดาลใจ แรงบันดาลใจของหนูคือ ต้องใส่เสื้อผ้าร้านคนปกติใส่ได้ ปกติต้องไปซื้อร้านขายไซต์ใหญ่ๆ และอีกอย่างนะคะ หนูเชื่อว่าลึ๊กลึกแล้วหนูเป็นคนที่สวยมากกกกกกกกกกกเพราะม๊าบอกว่าหนูสวยที่สุด 5555 เป็นคนเชื่อแม่ค่ะ <มั่นมาก>

2. ปรับพฤติกรรมการกิน ไม่ต้องไปมองหาทางลัดแล้ว ที่ผ่านมาหนูมัวแต่มองหาสิ่งที่ทำให้เราผอมเร็วสุด สูตรนั้น สูตรนี้ อาหารเสริมบ้าง เชคโปรตีนลดน้ำหนัก เลิกคิดถึงของพวกนี้ไปเลยนะคะ กว่าจะกินแล้วอ้วนได้ขนาดนี้ ใช้เวลาตั้งนาน เราควรหาสิ่งที่เราทำได้จริงในชีวิตประจำวันของเรา มันไม่มีทางลัดไหนแล้ว นอกจากควบคุมอาหารกะออกกำลังกาย

26

27

ส่วนใหญ่ที่หนูทำนะคะ คือ ไม่กินมัน กินแป้งน้อยลง
คือเราอ่ะรู้อยู่แล้วอ่ะค่ะว่า อะไรกินแล้วอ้วน อะไรกินแล้วมีประโยชน์แต่เราก็ชอบหาข้ออ้างให้รู้สึกผิดน้อยลง (ถูกไหมค่ะ หนูทำบ่อย555+)  ออกกำลังกายบ้าง <ผลก็ตอนนี้ตัวยังนิ่มๆ บวมๆอยู่เลยคะ>

เมนูอาหารก็ประมาณนี้นะคะ
เช้า: ข้าวโรงอาหารคณะ กินกับให้หมด กินข้าวอีกนิดๆ
เที่ยง:เกาเหลาบ้าง กินข้าวบ้าง
เย็น: กินสาหร่ายลุยสวน ไม่ก็กินแตงโมเป็นข้าวเย็นค่ะ
*เน้นเลยนะคะ บอกคนขายให้ตักน้อยๆ ล่ะเราก็กินให้เหลือไว้ 1 ใน 4 อิ่มพอดีก็คือหยุดกิน *

ถ้าอยากกินขนมมากๆ หนูก็จะกินแตงโมแช่เย็นๆหวานเจี๊ยบ เพราะเคยอ่านดู แตงโม แคลอรี่น้อยมากควรค่าแก่การเป็นขนมของหนูเลย ถ้าไปนั่งร้านนมก็สั่ง “นมสดปั่น ไม่ใส่น้ำตาล ไม่ใส่นมข้น เอานมปั่นน้ำแข็งเฉยๆค่ะพี่” คนขายก็งงไปสิ แต่ก็ทำให้นะ เราแค่กินพอให้หายอยากก็พอ ทำไมเราต้องเอาแคลอรี่เพิ่มเข้ามาอีก ตอนมีคนชวนไปกินบุฟเฟ่ กินมื้อหนักๆ ก็จะคิดว่า เคยกินมาหมดแล้ว รสชาดก็เดิมๆ ไม่เห็นน่ากินเลย #มโนให้ตัวเองไม่อยากกินอ่ะค่ะ

28

3. ออกกำลังกาย –> อันนี้หนูไม่ค่อยชอบทำนะคะ ตัวก็เลยยังบวมๆอยู่เลย
ออกกำลังเราก็มีแบบไปเดินรอบบึงบ้าง วิ่งลู่วิ่ง ปั่นจักรยานเบาๆ พยายามออกกำลังกายให้ต่อเนื่อง 40 นาทีนะคะ เพราะจะเป็นช่วงดึงเอาไขมันออกมาใช้ หลักการเราก็เป๊ะค่ะ เอาเข้าจริง เดือนนึงหนูก็ออกกำลังกายแค่ 4-5 วันเอง 

4. ชั่งน้ำหนักทุกเช้า แล้วก็จดบันทึกลงทุกวันเลยนะคะ (ควรจะเป็นดิจิตอลนะคะ เห็นชัดๆเป็นจุดทศนิยมไปเลย) ถ้าน้ำหนักลงเราก็จะมีกำลังใจ แต่ถ้าขึ้นวันนั้นก็ตั้งใจควบคุมอาหารมากขึ้น

น้ำหนักก็ลงมาเรื่อยๆ รู้สึกตัวเบาขึ้น ตอนนั้นน่าจะประมาณ 58 กิโล

29

เวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆ มันมีความสุขมากเลยนะคะ ทุกๆเช้าเห็นน้ำหนักลง แค่จุดทศนิยมเดียวก็ชื่นใจ

 

30 31

32

 

เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ลองให้โอกาสตัวเองดูสักครั้งนะคะ ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจจริงๆ ลองตั้งใจสักครั้งดู คิดว่าครั้งนี้จะลดเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตล่ะ ไม่ผลัดวัน เริ่มวันนี้ ก็สวยวันนี้

เรื่องน่าสนใจ