หลากปัญหาน่าหนักใจ ของผิวหน้าคนวัย 50+ ซึ่งปัญหาของคนในวัยนี้ ย่อมมีมาก หรือหนักกว่าคนในวัยอื่นๆ แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีวิธีการ และนวัตกรรมต่างๆ หลากหลายช่วยได้

Face & Skin

  • ผิวชั้นบนจะมีความหยาบกร้าน
    อาจจะมีกระทั้งกระเนื้อ และกระที่เกิดจากแดด มีต่อมไขมัน พื้นผิวมีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากแดด และที่เห็นชัดเจนมากคือเรื่องริ้วรอย สีผิวที่กระดํากระด่าง และดําคล้ำในบางบริเวณ กระเนื้อ และกระที่เกิดจากแดดในส่วนที่เพิ่มเข้ามา จะทําให้สีผิวไม่เท่ากันได้
    การแก้ไข
    ปัญหาความหยาบกร้าน ฝ้า กระ ตุ่มไขมันต่างๆ นั้น สามารถแก้ได้ด้วยเครื่องเลเซอร์ที่ปัจจุบันมีให้เลือกมากมายหลายชนิด ส่วนปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ จะแก้ได้โดยการใช้เครื่องเลเซอร์ที่ใช้จัดการกับเม็ดสี หรืออาจจะใช้เครื่อง IPL ก็สามารถช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอขึ้นได้
  • ผิวหนังแท้ หรือ Dermis
    ปกติในผิวชั้นนี้จะมีคอลลาเจน มีเรติคูล่าไฟเบอร์ (Reticular Fiber) และสารอีกตัวหนึ่งคือ GAG (GlyCosaminoglycan) แต่เมื่ออายุเข้าสู่วัย 50 สิ่งเหล่านี้จะหายไป ทําให้เกิดปัญหาตามมาคือ ร่องแก้มบุ๋ม แก้มตอบ ตาโปน จากการที่เนื้อของผิวหนังแท้โดนทําลาย
    การแก้ไข
    อาจจะต้องใช้เครื่องมือในกลุ่มของ RF (Radio Frequency) หรือเครื่องเลเซอร์บางชนิด ที่ลงไปได้ลึกถึงชั้นหนังแท้ โดยอาจจะทําร่วมกับการฉีดคอลลาเจน หรือฟิลเลอร์ Hyaluronic Acid เพื่อให้ผิวหนังในชั้นนี้ฟูขึ้นมา ซึ่งสาร Hyaluronic Acid มักจะอยู่ได้นานประมาณ 1 ปี โดยจะค่อยๆ สลายตัวหมดไปในที่สุด
  • ผิวชั้นไขมัน
    ปัญหาที่พบคือ ไขมันบางส่วนจะฝ่อหายไป (Lipoatrophy) ดังที่เราเห็นว่า บางคนใต้ตาจะบุบเข้า ซึ่งปัญหานี้ไม่ค่อยพบในคนวัย 30-40 แต่จะพบมากในคนวัยนี้ บางคนมีปัญหาแก้มตอบ ร่องตาหาย ร่องข้างจมูกหาย มุมปากตกลง เป็นต้น
    การแก้ไข
    การแก้ปัญหาในชั้นนี้ จะยากกว่าปัญหาที่เกิดในชั้นผิวหนังแท้ หากใช้ฟิลเลอร์ฉีด ต้องใช้ฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลใหญ่ขึ้น เช่น ฉีดเพื่อแก้แก้มตอบ หน้าบุบ 
    ฉีดเติมร่องใต้ตา นอกจากนี้ ฟิลเลอร์ยังนํามาใช้ในการเติมเต็มริมฝีปากของคนในวัยนี้ด้วย ซึ่งพบว่าริมฝีปากมักจะบางลง เนื่องจากไขมันเหลือน้อยมาก ถ้าเป็นการใช้เครื่องมือที่สามารถจะช่วยยกกระชับ และลงไปลึกถึงชั้นไขมัน ได้แก่เครื่อง Ulthera ซึ่งสามารถลงลึกไปลึกได้ประมาณ 45 มม. ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ให้ผลการรักษาที่ดี กระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน ทําครั้งเดียวจะอยู่ได้ประมาณ 1 ปี หรือถ้าอยากทําซ้ำ สามารถทําซ้ำได้ทุก 6 เดือน
  • ผิวหนังในชั้นกล้ามเนื้อ
    คนในวัยนี้ มักพบปัญหาความหย่อนยาน บางคนใต้ตาห้อยออกมาเป็นถุง หรือเกิดปัญหาแก้มห้อย เกิดเหนียงบริเวณคอ หรือใบหน้าของคนวัยนี้ มักจะดูบวมๆ ดูหน้าบานและใหญ่ขึ้น
    การแก้ไข
    การแก้ปัญหาในผิวชั้นกล้ามเนื้อ หลักๆ คือการใช้โบท็อกซ์ฉีดเพื่อลดริ้วรอย เพื่อทําให้หน้าตึงขึ้น และโบท็อกซ์ยังใช้ฉีดเพื่อกระชับกล้ามเนื้อ ทําให้คนที่มีปัญหาหน้าใหญ่ และดูบานออก เป็นรูปตัว V มากขึ้น หรือสามารถฉีดบริเวณกล้ามเนื้อคอที่เกิดเหนียง เพื่อทําให้กล้ามเนื้อคลายตัวออก เพื่อจัดการกับเหนียงบริเวณนี้ได้ การฉีดโบท็อกซ์ หลังฉีดไปแล้ว มักจะอยู่ได้นานประมาณ 6 เดือน

…………………………………………….

ดังนั้น จึงสามารถสรุปได้ว่า คนที่อายุมากๆ อย่างในวัย 50+ นั้น การแก้ปัญหา ต้องแก้ปัญหาผิวหนังทั้ง 4 ระดับชั้น ไม่ว่าจะเป็นความไม่เรียบ เนียนของผิวชั้นบน ปัญหาร่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการสูญเสียคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ แก้เรื่องไขมันที่ฝ่อหายไป หรือแก้ปัญหากล้ามเนื้อที่ยืดออก คือต้องแก้ทุกส่วน และทุกระดับชั้น โดยการประสานเทคโนโลยีต่างๆ เข้าด้วยกัน และแก้ไปทีละส่วน ทีละสเต็ป เพื่อให้หน้าเนียนสวยขึ้น ริ้วรอยหายไป ร่องบุบต่างๆ หายไป หน้ายกและอิ่มขึ้นค่ะ

 

เนื้อหาโดย Dodeden.com

เรื่องน่าสนใจ