ผักผลไม้ถึงจะมีคุณประโยชน์ทางด้านวิตามิน C สูง แต่ใช่ว่าจะสามารถรับประทานติดต่อเป็นประจำและในปริมาณมากได้ เพราะในผักผลไม้บางชนิดมีสารพิษที่จะทำให้ร่างกายผิดปกติ ขอเสนอเกี่ยวกับ การรับประทานผักผลไม้อย่างปลอดภัยช่วยให้สมดุลกับร่างกาย ไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง……

10384926_742629925791647_3931684115589229439_n

ถั่วงอก : มีสารอย่างหนึ่งเรียกว่าไฟเตต มีลักษณะคล้ายฟองน้ำ ทำหน้าที่เป็นตัวจับและดูดซับแคลเซียม เหล็ก สังกะสี และฟอสฟอรัส หากรับประทานถั่วงอกดิบมา ๆ ร่างกายจะไม่สามารถดูดซึมแร่ธาตุเหล่านี้ได้ และยังพบสารฟอกขาวเจือปนในถั่วงอก

ซึ่งทำให้ถั่วงอกมีสีขาวน่ารับประทาน และเก็บไว้ได้นาน เมื่อบริโภคเข้าไปจะมีอาการหายใจติดขัด ปวดท้อง อาเจียน ความดันโลหิตต่ำ อุจจาระร่วง ดังนั้นก่อนรับประทานถั่วงอกทุกครั้ง ควรล้างให้สะอาดและนำไปลวกหรือปรุงให้สุกก่อน

กะหล่ำปลี : ในกะหล่ำปลีสดมีสารกอยโตรเจน ส่งผลต่อการเกิดโรคคอพอก หากรับประทานมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการท้องอืดได้ ควรทำให้กะหล่ำปลีสุกก่อนจะช่วยบำรุงตับ เนื่องจากมีวิตามิน C สูง ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ใหญ่ และระบบขับถ่ายดี

ถั่วฝักยาว : สำหรับผู้ที่ชื่นชอบรับประทานถั่วฝักยาวดิบในปริมาณมากๆ ควรระมัดระวัง เพราะในถั่วฝักยาวดิบนั้นมีแก๊สค่อนข้างสูง โดยเฉพาะแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งจะเกิดปฎิกิริยาเมื่อรับประทานมากเกินไปส่งผลทำให้ท้องอืด ควรปรุงสุกก่อนรับประทานทุกครั้ง

มันสำปะหลัง : ใครอยากลองรับประทานดิบ ขอบอกก่อนว่าไม่ควรเป็นอย่างยิ่ง เพราะในมันสำปะหลังมีสารไซยาไนด์หากรับประทานดิบ จะทำให้เกิดอาการแน่นหน้าอก น้ำลายฟูมปาก ชัก และอาจถึงเสียชีวิตได้ วิธีรับประทานมันสำปะหลังที่ถูกวิธีควรปอกเปลือก และปรุงให้สุกก่อนทุกครั้ง มันสำปะหลังเมื่อปรุงสุกแล้วจะมีรสหวาน เนื่องจากมีกรดไฮโดรไซยานิก ที่ทำให้เกิดรสชาติหวาน แต่หากมีในปริมาณมากเกินก็จะทำให้มีรสขม

เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ : ในเมล็ดมะม่วงหิมพานต์มีสารทำให้เกิดอาการระคายเคือง หากไม่นำไปคั่ว นึ่งและแกะเปลือกเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ก่อน จะทำให้เกิดปฎิกิริยาต่อผิวหนัง ส่งผลให้ผิวหนังเป็นพิษและระคายเคืองอย่างรุนแรง

เนื่องจากในเปลือกมีสารพิษ Urushiol ข้อควรในการรับประทานเมล็ดมะม่วงหิมพานต์คือต้องปอกเปลือกและผ่านกรรมวิธีที่สุกแล้วจึงจะรับประทานได้อย่างปลอดภัย

ดอกจันทน์ : มีน้ำมันหอมระเหย ถ้าใช้ในปริมาณน้อยจะเป็นเครื่องเทศ สรรพคุณจะช่วยสารฟลาโวนอยด์ ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดอาการอักเสบ ห้ามรับประทานดอกจันทน์ในปริมาณที่มากกว่า 5 กรัม จะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน มึนงง หัวใจเต้นผิดปกติ ปากแห้ง ชัก มีฤทธิ์ต่อจิตประสาท

ทุเรียน : มีสรรพคุณทางด้านสมุนไพร นำรากทุเรียนมาช่วยในเรื่อง แก้ท้องร่วง ขับพยาธิ สำหรับคนทั่วไปที่ไม่เป็นโรคเบาหวานควรรับประทานไม่เกินวันละ 2 เม็ด เพราะทุเรียนเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานสูง สิ่งสำคัญไม่ควรรับประทานทุเรียนคู่กับเหล้า จะทำให้เมาเร็วและเสี่ยงเสียชีวิตได้

มะเฟือง : ช่วยในการขับพิษและพยาธิในร่างกาย และช่วยลดอุณหภูมิในร่างกาย ถอนพิษไข้ แต่ถ้ารับประทานมากเกินไปอาจมีโทษเนื่องจากมะเฟืองมีกรดออกซาลิก การได้รับสารนี้เข้าไปในร่างกายในปริมาณมาก จะส่งผลต่ออาการนิ่วทางเดินปัสสาวะ และเมื่อสารนี้ไปจับตัวกับแคลเซียมจะตกเป็นผนึกนิ่วในไตได้ อาจทำให้ไตวายฉับพลัน

ลำไย : ในลำไยมีสารต้านอนุมูลอิสระ แต่ต้องรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ เพราะหากรับประทานมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการร้อนใน ตาแฉะ ปากเป็นแผล เนื่องจากในลำไยมีสารโพรสตาแกลนดินอยู่ด้วย

ที่มา Maeban

เรื่องน่าสนใจ