ที่มา: Matichon Online

เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ที่ห้องศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกันสอบปากคำ น.ส.ปรียานุช หรือเปรี้ยว โนนวังชัย อายุ 24 ปี น.ส.กวิตา หรือเอิร์น ราชดา อายุ 25 ปี และ น.ส.อภิวันท์ หรือแจ้ สัตยบัณฑิต อายุ 28 ปี โดยใช้เวลาสอบนานประมาณ 30 นาที 

ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันแถลงว่า คดีนี้คดีสะเทือนขวัญพี่น้องประชาชน คณะนายตำรวจที่ทำคดีนี้ทุกท่าน เนื่องจากคดีหั่นศพภาษาที่เราใช้เรียกตามสื่อ เป็นคดีสะเทือนขวัญอุฉกรรจ์และเป็นคดีที่น่าสนใจของพี่น้องประชาชน จึงสั่งการให้ พล.ต.อเฉลิมเกียรติ ไปเร่งรัดติดตามจับกุมคนร้ายในคดีนี้ให้ได้ ซึ่งเหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ที่ผ่าน หลังจากนั้น 2 เจอศพซึ่งได้รับแจ้งที่เขาสวนกวาง จากนั้นก็ได้มีการมอบหมายหน้าที่การงานให้ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ไปควบคุมกำกับดูแลสั่งการ

พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า คดีที่เกิดขึ้นที่ตำรวจภูธรภาค 4 ท้องที่สภ.เขาสวนกวาง สามารถออกหมายจับและรู้ตัวได้ผู้กระทำความผิดทั้งหมด 5 ราย เป็นหญิง 4 ชาย 1 ซึ่งผู้ชายคือนายวศิน นามพรหม ถูกจับ ที่ด่านหนองคาย ส่วน น.ส.จิดารัตน์ หรือเบนซ์ พรหมกุล อายุ 21 ปี มอบตัว หลังจากนั้นผู้ต้องหาที่หลบหนี 3 คนมี น.ส.ปรียานุช น.ส.อภิวันท์ และ น.ส.กวิตา หลบหนีไปที่ประเทศเพื่อนบ้านซึ่งจากการสอบถามผู้ต้องหาทั้ง 3 ที่ได้ออกกมายจับจริงๆแล้ว ขามีความตั้งใจที่จะมอบตัว แต่เธอกำลังคิดอยู่ว่าจะมอบยังไง อะไรยังไงสุดท้ายก็ได้มอบตัว เมื่อสอบถามถามผู้ต้องหาทั้ง 3 คนยอมรับสารภาพ

พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า จริงๆแล้วผมก็ถามสาเหตุของการฆ่าบอกว่า 1.เรื่องของยาเสพติด 2.เรื่องหนี้สินค้างเก่า ส่วนหมายจับมีอยู่ 3 -4 ข้อหา คดีนี้มีผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องจำนวน 5 ราย แต่แบ่งหน้าที่กันทำหน้าที่ จริงๆแล้วที่สื่อโซเชียลลงมันไม่ใช่ขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ เป็นเสพสารเสพติดในพื้นที่ขอนแก่นเท่านั้นเหตุเกิดจากที่ น.ส.วริศรา ถูกจับเมื่อปลายปี 2559เจ้าที่มีการขยายผลไปที่ น.ส.ปรียานุช ไม่ใช่ขบวนการค้ายาข้ามชาติแล้ว 3 คนนี้ หนีไปประเทศเพื่อนบ้านมัน ไม่ใช่ คือเรื่องอยู่ในสำนวนไม่สามารถเปิดเผยได้หมด เดี๋ยวจะเป็นข้อต่อสู้ทางคดี เมื่อทราบข่าวจึงกดดันไปทางประเทศเพื่อนบ้านอยู่แล้ว ในเวลาเดียวกันเพราะว่า น.ส.จิดารัตน์ หรือเบนซ์ ที่อยู่ที่กรุงเทพฯ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลยจากคำให้การของ น.ส.เปรี้ยว ซึ่งเบนซ์เคยทำงานที่ประเทศเพื่อนบ้านเขาคงจะบอกให้แค่นั้นเอง เดิมคิดว่ามีการซื้อหรือขายยาเสพติดอย่างที่ ป. ป.ส.บอกว่าน่าจะขบวนการใหญ่ จริงๆเพราะสอบสวนขยายผลแล้วไม่ใช่ คือบางครั้งทำให้สับสน หลังจากนี้ตำรวจภูธรภาค 4 ก็รับตัวไปโดยมี พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ลงไปควบคุม การทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า น.ส.ปรียานุช เขา ทำงานอยู่ต่างประเทศ หลายประเทศ มาเลเซีย สิงคโปร์ พอมีความรู้แล้วก็เดินทางคนเดียว แต่ทั้ง 3 คนมีความรู้ สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้ จริงๆแล้วเขาเพียงต้องการแค่สั่งสอน เท่านั้นเอง และไม่ได้เจอกันเป็นปี หลังจากที่เกิดเหตุแล้ว และก็ไม่ได้ติดใจอะไรบังเอิญเขากลับมาจากต่างประเทศ วันนั้นแล้วมาเจอน้องแอ๋ม ที่จุดนัดพบแค่นั้นเอง ผมบอกแล้วว่ามันมีเหตุปลายปี 59 กลุ่มที่เข้าเสพยาไอซ์ เสพติดเค และเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปจับกุมและขยายผล ปกติขยายผลไปถึง น.ส.เปรี้ยว ซึ่งก็ถูกจับคุมด้วยและขยายผลต่องาน ซึ่ง น.ส.แอ๋ม ให้การในตอนนั้นไม่เกี่ยวกับ ขบวนการยาเสพติดหักกันเรื่องยา หรือหักกันเรื่อง เงินทองประมาณ 40,000 บาท ไม่จ่าย นอกจากนี้การสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง3 คนให้การรับสาร ภาพตลอดข้อกล่าวหาและทุกข้อหา ผมก็บอกไปแล้วแต่ต้น ไม่ค่อยฟังเลย

พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวอีกว่า คือเราทุกวิถีทางเพราะเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจผมดูแล้วมันไม่ใช่เรื่องสลับซับซ้อนเส้นทางการหลบหนีแม้แต่การพักอาศัยซึ่งเขาก็ตัดสินใจมอบตัวอยู่ซึ่งก็หาวิธีมอบตัวอยู่แล้วผมถามเขาบอกว่าสาเหตุที่มอบตัวเพราะอะไรเขาบอกว่าเขาไม่อยากให้คนที่เข้าไปพักด้วยหรือคนที่เกี่ยวข้องเดือดร้อนเขาบอกชัดเจนว่าเขาขอรับผิดชอบเขาไม่อยากให้ใครที่เข้าไปอาศัยด้วยได้รับความเดือดร้อนจากเขาหลังจากที่คุยกันตั้งสติได้แล้วว่าสิ่งที่เราทำแบบนั้นมันมันผิดก็เลยคิดที่มอบตัว ส่วนนายเกล้านั้นไม่มี ยืนยันได้ ส่วนสาเหตุ น.ส.ปรียานุช บอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัวแค้นสาเหตุที่ถูกจับกุมเรื่องยาเสพติดเขาก็บอกว่าเขาอยากมีสตางค์เหมือนคนอื่น ซึ่งเขามีพ่อ แม่ ต้องรับผิดชอบผมก็หยุดเพราะว่าเป็นเรื่องส่วนตัวเขานะครับว่าเขาจะไปหาเงินที่ไหนอย่างไร นะครับเขาบอกว่ามีพ่อแม่ที่จะเข้าดูแล อย่างน้อยเขาก็มีสามัญสำนึกในการรับผิดชอบคือเข้ามอบตัวมีความ ตั้งใจส่วนรายละเอียดอยู่ในสำนวนก็อย่างที่ผมเรียนไปแล้วนะครับว่า 1 ปีถึงเค้าไม่เจอกันเนี่ยเค้าก็ไม่ได้คิดอะไรแล้วนะ แต่มาเจอกันโดย บังเอิญก็เรียกขึ้นรถซึ่งเป็นรถเช่าที่เวลาเดินทางกลับจากประเทศก็จะพาพ่อ-แม่ไปกิน เมื่อเรียกขึ้นรถแล้วอุดจมูกสิ้นอากาศหายใจ โดยคิดอยู่สองอย่างคือ นำไปถ่วงน้ำแต่คิดอีกทีเดียวศพก็โผล่ กับหั่นศพเพราะศพเริ่มแข็ง จึงหั่นศพเพราะคิดอะไรไม่ออกช่วงนั้นกระทันหัน

เรื่องน่าสนใจ