เรื่องย่อละคร ช่อง 3 กองร้อยกระทะเหล็ก

a1

บทประพันธ์ : เมืองทอง

บทโทรทัศน์ : บัวเข็ม

ผลิตโดย : บริษัท เพ็ญพุธ จำกัด

อำนวยการผลิต : สุรางค์ เปรมปรีดิ์

กำกับการแสดงโดย : ภูมิภัทร สังวาลย์วรกุล

ออกอากาศ : ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.45 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
เรื่องย่อ กองร้อยกระทะเหล็ก

ณ กองร้อยที่  88  ในช่วงเวลาใกล้เที่ยง  บรรยากาศใน “หน่วยประกอบเลี้ยง” ดูคึกคักวุ่นวายพลสูทกรรม 5 นาย กำลังวุ่นกับการเตรียมเสบียงอาหารสำหรับมื้อเที่ยง  ปราบ  กำลังถกเถียงกับ  จ่าโย่ง ผู้บังคับหน่วยหัวอนุรักษ์เรื่องขั้นตอนของการทำอาหาร โดยมี หนูยิ้ม ลูกสาวจ่าโย่งแอบเชียร์ปราบอยู่ในใจ    ปีนี้หนูยิ้มเรียนจบแล้ว กำลังรอเรียกสัมภาษณ์งาน แต่ถึงยังไงจ่าโย่งก็ยังคงเป็นห่วงและหวงหนูยิ้มอยู่ดี และมักจะหนีบลูกสาวติดไปด้วยทุกที่ แม้แต่เวลาออกปฏิบัติงาน หนูยิ้มเลยกลายเป็นลูกมือของพ่อไปโดยปริยาย ครั้นหนูยิ้มจะสมัครเป็นทหารรับราชการให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย พ่อก็ไม่เห็นด้วย  อีกด้านหนึ่ง พลทหารบาน กำลังสับหมู หั่นผัก อย่างเมามันถึงขั้นเขียงแตก เพราะความบ้าพลัง ส่วน หมู่เลี้ยง กำลังละเมียดละไมกับการเด็ดพืชผักสมุนไพร และดมกลิ่นของมันไปด้วย ทำให้หนูยิ้มหงุดหงิดใจมากๆ กับความเชื่องช้าของเลี้ยง เพราะหนูยิ้มเป็นผู้หญิงที่คล่องแคล่วว่องไว กว่าอาหารจะเสร็จ ปราบกับจ่าโย่งต้องได้เถียงกันไปหลายยก เรื่องราวของหน่วยประกอบเลี้ยงแห่งนี้เป็นอยู่อย่างนี้ทุกเมื่อเชื่อวัน

วันนี้เป็นเวรปราบที่จะต้องนำอาหารไปเสิร์ฟให้ทหารในห้องรับ-ส่งวิทยุสื่อสาร แล้วปราบก็ต้องแปลกใจเมื่อไม่พบใครในห้องนั้น  ขณะที่ปราบกำลังจะหันหลังออกจากห้อง ก็บังเอิญได้ยินเสียงดังลอดออกมาจากวิทยุใจความสำคัญคือ  ทหารฝ่ายตรงข้ามได้จับทหารฝ่ายเราไว้เป็นตัวประกัน ทุกคนอยู่ในอันตราย ปราบไม่รอช้า รีบจดพิกัดไว้ แล้วเสียงผู้แจ้งก็หายไปพร้อมเสียงปืนรัวกระหน่ำ  ความเป็น ความตาย เท่ากัน  ปราบถือกระดาษที่จดพิกัดไว้ในมือ วิ่งออกไปหมายจะแจ้งให้ทุกคนทราบ

แต่แล้วก็พบว่าเพื่อนทหารได้หายไปหมด  เหลือแต่เพื่อนๆ พลสูทกรรม ซึ่งยืนรอเก้ออยู่ที่โรงประกอบเลี้ยง  ปราบรีบเล่าเรื่องที่ได้ยินให้เพื่อนๆ ฟัง ทุกคนตกใจมาก  ปราบออกความเห็นว่า นี่เป็นโอกาสที่จะได้แสดงฝีมือให้ทุกคนเห็นว่าหน่วยของเราก็มีฝีมือเชิงรบเหมือนกัน ไม่ได้ หน่อมแน้ม ปวกเปียก อย่างที่โดนล้อเลียน ทุกคนเห็นด้วย  โดยเฉพาะหนูยิ้มซึ่งรอมานานที่จะได้แสดงความสามารถเฉพาะตัวที่คล่องแคล่วว่องไวและเก่งในเชิงมวยและการต่อสู้  ส่วนบาน หนูยิ้มว่าไงบานว่างั้น  บานมีสมองก็เหมือนไม่มีแต่พละกำลังเหลือเฟือ  แม้จ่าโย่งจะค้านแต่ก็ไม่มีใครฟัง 4 หนุ่มสาวออกค้นหาอาวุธแต่ก็ไม่พบ  จึงนำข้าวของที่ใช้ในครัวเท่าที่จะหาได้ติดตัวไป  ปราบพกที่จุดเตาแก๊ส กับขวดน้ำมันไป หนูยิ้มมือผัดเอากระทะกับตะหลิวติดตัวไป  บานได้อีโต้ 2 อัน ส่วนเลี้ยงได้ขวดพริกไทยกับพริกป่นไป  จ่าโย่งไม่รู้จะเครียดหรือจะขำกับภาพที่เห็น พยายามโน้มน้าวให้ทุกคนล้มเลิกความตั้งใจ แต่ไม่มีใครฟัง  จ่าโย่งยื่นคำขาดไม่ให้หนูยิ้มไป แต่หนูยิ้มไม่ยอม ด้วยความที่อยากจะเอาใจหนูยิ้ม บานจึงฟาดหัวจ่าโย่งจนสลบไป  ท่ามกลางความตกใจของทุกคน แต่ภารกิจก็ไม่อาจล้มเลิก  ทุกคนมุ่งหน้าไปสู่พิกัดที่ได้รับแจ้งหมายจะให้ได้มาซึ่งคำว่า “ฮีโร่”

ทั้ง 4 บุกมาถึงพิกัดข้าศึกได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายอย่างไม่น่าเชื่อ  เบื้องหน้าเป็นข้าศึกที่อยู่ในชุดดำ ปกปิดหน้าตา ไม่ระบุสัญชาติ และทหารฝ่ายเราที่ตกเป็นเชลย หนึ่งในนั้นเป็นแพทย์ทหารนาม สายรุ้ง

คุณหมอคนสวยลูกสาวนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่เลี้ยงหลงรัก  แทบไม่น่าเชื่อใช้เวลาและเรี่ยวแรงไม่มาก ทั้ง 4 คน ก็สามารถใช้ตะหลิว มีด และ ไฟจัดการข้าศึกได้ไม่ยาก ท่ามกลางความตกใจระคนฉงนสนเท่ห์ของข้าศึก

ทั้ง 4 เข้าประชิดตัวหัวหน้าข้าศึกจนจะสามารถช่วยสายรุ้งได้  หัวหน้าศัตรูซึ่งใช้ผ้าปิดหน้าปิดตาได้เข้ามาขวาง ทำให้มีการประมือกับปราบ ปราบอาศัยทีเผลอเล่นงานศัตรูด้วยไฟ  แล้วแย่งปืนยิงใส่ศัตรูทันที

“หยุดเดี๋ยวนี้..!!”   เสียงตวาดอันแสนจะคุ้นเคยแผดขึ้นจนทุกคนตกใจ และ หยุดชะงัก  ผบ. สุชาตินั่นเอง ผบ. เดินหน้าเครียดเข้ามาพร้อมกับเหล่าทหารและศัตรูที่ต่างถอดผ้าปิดหน้าออก  ทั้ง  4 ตกตะลึงเมื่อพบว่าทหารศัตรูเหล่านั้น คือเพื่อนๆ ทหารของเขานั่นเอง “มาทำบ้าอะไรกันเนี่ย  เค้าซ้อมรบกันอยู่โว้ย..!!”  สิ้นสุดเสียงตวาดของ ผบ. สุชาติ  ก็ตามมาด้วยเสียงหัวเราะเยาะโห่ฮาของบรรดาเพื่อนทหาร คนที่ตกใจที่สุดคือปราบ เขารีบหันไปดูหัวหน้าศัตรูที่ถูกเขายิงว่าเป็นอย่างไรบ้าง  สิชล  ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ ผบ. สุชาติ พยายามยันตัวลุกขึ้น ปราบรีบเข้าไปช่วย แต่สิชลโมโหจัดผลักปราบกระเด็น  สายรุ้งเข้ามาดูอาการสิชล  ซึ่งมีแค่แผลฟกช้ำ เพราะได้เสื้อเกราะช่วยชีวิตเอาไว้  ปราบโล่งใจ  สายรุ้งอดขำปราบและเพื่อนๆ ไม่ได้จึงหลุดหัวเราะออกมา ทำให้ปราบรู้สึกอาย และ หมั่นไส้สายรุ้งมาก  สิชลนั้นออกจะเสียหน้าอย่างมาก ที่พลาดท่าให้ปราบซึ่งเป็นนายทหารพลสูทกรรม  จนกลายเป็นความอาฆาต  จะมีดีบ้างก็ตรงที่เขาได้รับความเอาใจใส่จากคุณหมอสายรุ้งคนสวย

ทั้ง 4 ได้รับโทษอย่างหนัก  อีกทั้งยังโดนหัวเราะจากคนทั้งกองร้อย ทุกคนโทษว่าเป็นความผิดของปราบ ซึ่งเป็นผู้ชักชวนให้เพื่อนๆ ไปทำภารกิจนี้  อีกทั้งจ่าโย่งก็โกรธหนูยิ้มเป็นอันมากที่ดื้อดึงไม่เชื่อฟัง หนูยิ้มก็โกรธบานที่ตีหัวพ่อของเธอ  บานจึงพาลไปโกรธปราบว่า เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด และที่เหนือความคาดหมาย คนที่น่าโกรธที่สุดคือ เลี้ยง  ผู้ซึ่งได้รับคำสั่งจาก ผบ. สุชาติให้มาบอกห้องครัวให้งดทำอาหารเนื่องจากมีการซ้อมรบ แต่เลี้ยงดันลืมบอก  แถมไม่ได้เฉลียวใจอะไรเลยเมื่อตอนปราบมาชวนไปทำภารกิจ

เรื่องราวดูจะบานปลายใหญ่โต  เมื่อเบื้องบนทราบเรื่องที่เกิดขึ้นที่กองร้อย 88 แห่งนี้  ผบ. สุชาติ โดนตำหนิอย่างแรงจากส่วนกลาง  ดังนั้นกองร้อย 88 ทั้งหมดจึงโดนลงโทษ โดยการถูกส่งให้ไปเป็นกองร้อยบริการให้แก่เพื่อนๆ ทหารในการซ้อมรบใหญ่ Cobra Super Gold

ซึ่งเป็นการซ้อมรบร่วมกับทหารอเมริกัน ทุกคนในกองร้อยที่ 88 รู้สึกอับอายกับเรื่องที่เกิดขึ้นมาก และต่างโทษว่าเป็นเพราะปราบคนเดียวที่ทำให้ กองร้อยที่  88 โดนล้อเลียนว่าเป็น กองร้อยกระทะรั่ว

เมื่อการซ้อมรบจบลง ก็ถึงเวลาที่ทุกคนต่างรอคอย  นั่นคือการได้กลับไปเยี่ยมบ้านนั่นเอง  ปราบแบกความผิดหวังกลับมาบ้าน  อีกทั้งยังต้องเผชิญหน้ากับ ปราโมท  ผู้เป็นพ่อ ซึ่งคอยเหน็บแนมเรื่องที่ปราบไปสมัครเป็นทหารซึ่งพ่อไม่เห็นด้วยเลย   ปราบมีความใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก ว่าอยากจะเจริญรอยตามปู่ซึ่งเป็นทหาร ภาพความทรงจำของปราบมีแต่ภาพปู่ในเครื่องแบบทหารที่ดูสมาร์ท และ เจ้าระเบียบมาก  ปราบเป็นหลานคนโปรดของปู่  ดังนั้นจึงไม่แปลกเลย ที่ปราบจะพยายามสอบเข้าเป็นนักเรียนนายร้อยทหาร ทั้งๆ ที่พ่อคัดค้านปราบต้องผิดหวังอย่างมากที่ตนไม่สามารถสอบเข้าเป็นนักเรียนนายร้อยได้  เนื่องจากตนเองมีปัญหาเรื่องสายตา  ปราโมทตัดสินใจส่งปราบไปเรียนต่อต่างประเทศด้านการบริหาร เพื่อมาสานต่อธุรกิจของตน แต่ปราบกลับประชดพ่อด้วยการไปเรียนทำอาหาร ยิ่งทำให้ปราโมทโกรธมาก  ปราบยิ่งตอกย้ำความโกรธของปราโมทเข้าไปอีก เมื่อเขากลับมาจากต่างประเทศ ก็สมัครเข้ารับการเกณฑ์ทหาร  รังรอง ผู้เป็นแม่กลัวเหลือเกินว่าลูกจะได้รับอันตราย จึงแอบใช้เส้นสายให้ลูกได้เป็นพลสูทกรรมอยู่ในหน่วยประกอบเลี้ยง  โดยเรื่องนี้ไม่มีใครรู้เลย

ปราบรู้สึกเสียหน้ากับพ่อมากที่ได้มาเป็นทหารทั้งที แต่กลับต้องมาเป็นทหารโรงครัว แต่เขาก็หวังว่าวันหนึ่ง เขาจะต้องได้ดิบได้ดีในการเป็นทหารให้ได้  แต่ในการกลับมาเยี่ยมบ้านคราวนี้ ปราบรู้สึกว่าตัวเองอาจจะต้องยอมแพ้กับความตั้งใจเดิมๆ ของเขา ปราบคิดว่าถ้าครบ 2 ปีตามเกณฑ์ เขาอาจจะออกจากราชการทหารมาทำอย่างอื่น ซึ่งก็สมใจ อรนารี  คู่หมั้นของปราบเป็นอย่างมาก ปราบมีทั้งรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติ อรนารีพยายามผลักดันให้ปราบรับงานในวงการบันเทิงอย่างเธอ  เพราะเป็นอาชีพที่ได้ทั้งชื่อเสียงและเงินทอง  ปราบเองก็ชักจะเอนเอียงเพราะอยากจะมีรายได้ และยืนบนลำแข้งของตัวเองเสียที  อรนารีเริ่มปฏิบัติการทันที โดยการพาปราบออกงานสังคมต่างๆ  เพื่อให้ได้พบปะกับคนในแวดวงสังคมและบันเทิง

 

ปราบได้บังเอิญ เจอคุณหมอสายรุ้งคู่ปรับเก่าเข้าโดยบังเอิญ  วันนี้สายรุ้งดูสวยมากเป็นพิเศษ ปราบเองยังอดชื่นชมไม่ได้  แต่แล้วความคิดของปราบก็เปลี่ยนไปเมื่อเห็นสายรุ้งควงคู่มากับชายสูงวัยมาดดีคนหนึ่งดูจากท่าทางที่สายรุ้งปฏิบัติต่อชายผู้นั้น มันทำให้ปราบไม่อาจคิดเป็นอย่างอื่นไปได้เลย นอกจากสายรุ้งคือคู่รักของชายสูงวัยคนนั้น  สายรุ้งช่างไม่อับอายเสียเลย ทั้งกอดทั้งหอมทั้งออดอ้อนกับชายผู้นั้นโดยไม่สนใจสายตาใคร  จนปราบอดที่จะพูดกระแนะกระแหนไม่ได้  สายรุ้งเข้าใจความรู้สึกของปราบ แต่หล่อนกลับขำ และไม่คิดแก้ตัว

ในที่สุดปราบก็ได้เริ่มงานบันเทิงด้วยการประเดิมถ่ายแบบให้กับนิตยสารเล่มหนึ่ง ในฐานะกลุ่มหนุ่มสาวสังคมรุ่นใหม่  แม้จะตะขิดตะขวงใจที่ต้องพ่วงด้วยคำว่า ลูกชายคนเดียวของปราโมท นักธุรกิจพันล้าน และ ปราบก็ได้พบกับสายรุ้งอีกครั้ง  สายรุ้งมาร่วมถ่ายแบบด้วยในฐานะคุณหมอสาวสวยลูกสาวนายพลใหญ่แน่นอนว่าทั้งคู่เขม่นกันตลอดเวลา  สายรุ้งยังคงขำปราบที่ยังคงเข้าใจว่า หล่อนเป็นเด็กเลี้ยงของพ่อตัวเอง แต่ก็ไม่คิดจะอธิบายให้เข้าใจ

ปราบเกือบจะได้เป็นพระเอกหนังไปแล้ว ถ้าไม่ได้รับหมายเรียกตัวด่วนจากกองร้อย 88 ซะก่อ น ผบ.สุชาติแจ้งภารกิจลับพิเศษให้หน่วยประกอบเลี้ยงทั้ง 4 ทราบว่า พวกเขาจะได้รับมอบหมายให้ไปช่วยตัวประกัน ซึ่งเป็น

“หมอเดินเท้า” ที่ถูกจับตัวไป  ซึ่งหมอเดินเท้าคนนั้นก็คือสายรุ้งนั่นเอง  ปราบ บาน และเลี้ยง ตื่นเต้นมากที่จะได้ทำภารกิจกู้หน้าตาและศักดิ์ศรีของตนกลับมาเสียที  แต่จ่าโย่งรู้สึกทะแม่งๆ เพราะภารกิจสำคัญขนาดนี้ ทำไมสุชาติถึงเลือกหน่วยประกอบเลี้ยงอย่างพวกตนไปปฏิบัติงาน ช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย แต่ถึงยังไงก็ต้องทำตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ทั้ง4 จึงต้องออกเดินทางไปทันที  ซึ่งทั้งหมดจะต้องประสาน งานการรบกับ สิชล  สิชลแจ้งพิกัดที่คุณหมออยู่ และพิกัดที่ต้องไปรับอาวุธให้ทั้ง 4 คนทราบ  ปราบและบานตื่นเต้นกับคำว่าอาวุธเป็นพิเศษ เพราะตั้งใจจะแสดงฝีมือเชิงรบกันเต็มที่  แต่เมื่อไปถึงพิกัดรับอาวุธ  ทั้งหมด  ก็ต้องเข่าอ่อน เมื่อได้พบว่าอาวุธที่กองทัพเตรียมไว้ให้นั้นกลับไม่ใช่ปืนผาหน้าไม้แต่อย่างใด  แต่กลับเป็นข้าวของเครื่องใช้ในครัวที่พวกเขาแสนจะคุ้นเคยนั่นเอง  จ่าโย่งโกรธ ผบ.สุชาติมาก เพราะเข้าใจว่าสุชาติเพื่อนทหารร่วมรุ่น ที่เคยเป็นคู่แข่งกันทุกด้านไม่เว้นแม้แต่เรื่องหัวใจกลั่นแกล้ง  แต่ปราบมั่นใจว่ามันต้องเป็นความคิดของสิชล ซึ่งคิดจะแก้แค้นตนแน่ๆ  แต่ทั้ง4 ตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะต้องทำภารกิจนี้ให้ลุล่วงให้จงได้แม้จะไม่มีอาวุธหนักใดๆ เลย  แล้วจ่าโย่งก็ต้องเจอเรื่องหนักใจอีก เมื่อพบว่าหนูยิ้มแอบตามมาด้วย และไม่ยอมกลับ แม้จะพยายามไล่ยังไงก็ตาม

ทั้ง 5 เดินทางไปตามพิกัดที่ได้รับแจ้ง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับทหารโรงครัวที่ไม่ชำนาญในเรื่องการลงพื้นที่  ยิ่งลำบากทุกคนก็ยิ่งโทษกัน ระหองระแหงเรื่องเก่าตั้งแต่ครั้งไหนๆ ก็ขุดมาพูดกันไม่รู้จบ  โดยเฉพาะปราบกับจ่าโย่ง ข้าวของเครื่องครัวที่ทั้งหนักและไร้ประโยชน์ ยิ่งทำให้เหนื่อยอ่อน จนทั้งหมดเกือบจะโยนทิ้งไปแล้ว ถ้าไม่ถูกข้าศึกโจมตีเสียก่อน ในภาวะคับขันใครคว้าอะไรได้ก็นำมาป้องกันตัวและตอบโต้กลับ  แล้วทั้งหมดก็พบว่าข้าวของต่างๆ ที่เกือบจะโยนทิ้งไปนั้นมีประโยชน์ และ ช่วยให้พวกเขารอดตายจากการโจมตีมาได้  ปราบใช้ไหวพริบ และ น้ำมันกับที่จุดเตาแก๊ส ทำกับดักไฟล้อมข้าศึก  ส่วนเลี้ยงก็เอาพริกแห้งโยนใส่กองไฟ ทำให้ข้าศึกสำลักควันพิษจนทุกคนหนีมาได้  หนูยิ้มยังคงประหลาดใจว่า ที่เธอบ่นทุกวันว่าต้องช่วยพ่อผัดอาหารด้วยตะหลิวคู่  จนมันจะกลายเป็นอวัยวะของเธอไปแล้วนั้น  วันนี้ไอ้เจ้ากระทะและตะหลิวคู่นั้นมันกลับช่วยชีวิตเธอและพ่อไว้ได้  แต่คนที่น่ากลัวที่สุดสำหรับศัตรูคือ บานมือสับ เพราะเพียงแค่ไม่กี่นาทีที่บานร่ายเพลงอีโต้คู่ ป่าก็ราบไปหมด  ศัตรูไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ และเมื่อรอดมาได้ ทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกันว่า พวกเขานั้นต่างมีความสามารถพิเศษด้วยกันทั้งนั้น  อุปกรณ์เครื่องครัวที่พวกเขาคุ้นชินต่างหากที่เป็นอาวุธที่เหมาะมือ ไม่ใช่ปืนผาหน้าไม้แต่อย่างใดเลย  ความคึกคะนองในการชนะข้าศึกทำให้บรรยากาศในกลุ่มดีขึ้น  แต่คำถามที่เกิดขึ้นในใจคือ  …ใครคือศัตรูของพวกเรากันแน่..

ที่กองร้อย 88  ผบ. สุชาติกำลังรับหน้า นายพลสุริยา พ่อของสายรุ้ง ซึ่งข้องใจเป็นอย่างมากที่สุชาติ

ส่งหน่วยประกอบเลี้ยงซึ่งเป็นความอับอายของหน่วยไปทำภารกิจช่วยเหลือชีวิตลูกสาวตน สุชาติเองก็ไม่สามารถที่จะบอกท่านนายพลได้ว่า  ทั้งหมดเป็นแผนของตนที่จะเปิดโอกาสให้ สิชล ลูกชายของตนได้กลายเป็นฮีโร่ไปช่วยคุณหมอสายรุ้ง แต่ครั้นจะส่งสิชลไปช่วยสายรุ้งกลับมาเลย ก็จะดูง่ายไปหน่อย จึงส่งหน่วยประกอบเลี้ยงไปก่อน เพราะมั่นใจว่าพวกหน่วยประกอบเลี้ยงไม่มีทางทำสำเร็จแน่นอน แล้วสิชลก็จะกลายเป็นพระเอกขี่ม้าขาวไปช่วยคุณหมอสายรุ้งกลับมาอย่างปลอดภัย

พวกของปราบเดินทางรอนแรมไปตามพิกัดที่ได้รับจากสิชล  แต่กลับหลงทางหาจุดพิกัดที่จะช่วยคุณหมอสายรุ้งไม่เจอ  ซึ่งแน่นอนว่าพิกัดที่สิชลให้นั้นเป็นพิกัดหลอก  ทั้งหมดจึงหยุดพักที่ริมลำธาร และผลอยหลับไป  เมื่อรู้สึกตัวขึ้นมาก็พบว่าทั้งหมดถูกจับตัวไว้โดยชาวป่า รูปร่างผอมและหน้าตาน่ากลัวเหมือนผีปอบปราบรู้ชะตากรรมทันทีว่าพวกเขาต้องถูกจับกินแน่ๆ

เพราะชาวเผ่ากินคนเหล่านั้นต่างรุมเข้ามาจะทึ้งกินพวกเขา ปราบออกอุบายโน้มน้าวให้ชาวเผ่าเชื่อว่าควรจะต้มพวกตนก่อนกินจะทำให้อร่อยมากขึ้น  ซึ่งภาชนะที่จะต้มได้นั้นมีเพียงตุ่มน้ำซึ่งต้มได้ทีละคนเท่านั้น  เลี้ยงรีบออกความเห็นว่าควรจะต้มจ่าโย่งก่อน  เพราะแก่สุด เหมือนผลไม้สุกเต็มที่เก็บไว้ก็เน่า  ชาวเผ่าก็เคลิ้มไปตามคารมของปราบกับเลี้ยง  ซึ่งทำให้หนูยิ้มแค้นเลี้ยงเข้าไปอีก เพราะไม่ถูกกันเป็นทุนเดิม  หม้อต้มพร้อมแล้วจ่าโย่งถูกนำตัวจะลงต้ม  แต่เลี้ยงบอกว่า ให้เอาผักและสมุนไพรใส่ลงไปด้วยเพื่อเพิ่มรสชาติ

เมื่อน้ำเดือดกลิ่นหอมของสมุนไพรหอมฟุ้งไปทั่วยั่วน้ำลาย  เลี้ยงเชิญชวนให้พวกชาวป่าลองชิมน้ำซุปสมุนไพรดู พอได้ชิมพวกชาวเผ่ากินคนก็รู้สึกถึงรสชาติที่หอมอร่อยชนิดที่ไม่เคยกินที่ไหนมาก่อน  ชาวเผ่าแย่งกันกินน้ำซุปจนหมด  และในเวลาไม่นานพวกชาวเผ่าก็ปวดท้องและอาเจียนออกมากันจนหมดแรง  เมื่อหลุดจากพันธนาการและกำลังจะหนี  เลี้ยงและปราบกลับโน้มน้าวใจเพื่อนๆ ให้ช่วยกันดูแลปฐมพยาบาลชาวเผ่า โดยปราบบอกว่าคนพวกนี้น่าจะโดนคนไม่ดีควบคุมอยู่  เลี้ยงบอกว่าคนพวกนี้ติดยาเสพติดแน่ๆ  สมุนไพรที่เลี้ยงปรุงนั้น เป็นสมุนไพรที่จะช่วยถอนพิษยาเสพติดได้ช้าๆ เหมือนสมุนไพรที่ใช้เลิกยาเสพติดที่ถ้ำกระบอก  แต่ถ้าทิ้งไว้แบบนี้ คนพวกนี้อาจตาย ใครจะไปก็ได้แต่เลี้ยงจะอยู่  ทุกคนจึงเกิดความสงสาร และตกลงอยู่ช่วยดูแลชาวเผ่าจนทุกคนอาการดีขึ้น

ทุกคนทึ่งมากที่เห็นเลี้ยงผู้เฉื่อยชาและไม่สนอกสนใจใครเลย กลับกระตือรือร้นที่จะช่วยคนเผ่า  โดยเฉพาะหนูยิ้มที่เริ่มประทับใจเลี้ยง  แต่จ่าโย่งก็ยังแค้นเลี้ยงอยู่ ที่หาว่าตนเป็นผลไม้แก่ทิ้งไว้ก็เหี่ยว แม้จะรู้ว่าเป็นอุบายก็ตาม เมื่อเหล่าชาวเผ่าอาการดีขึ้นปราบก็สอบถามจาก เผือก ชาวเผ่าที่พอจะพูดจารู้เรื่อง ได้ความว่า   พวกเขาเป็นชาวบ้านในหมู่บ้านกลางป่าปลูกผักล่าสัตว์กินกันอย่างมีความสุข  จนกระทั่งมีคนที่ทุกคนเรียกว่า  นายใหญ่ เข้ามาในหมู่บ้านพร้อมด้วยข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ และอาหารแปลกๆ  ทุกคนตื่นเต้นและรักนับถือนายใหญ่มาก จากนั้นไม่นาน  นายใหญ่ก็มาโน้มน้าว ปอดำ หัวหน้าหมู่บ้านให้ใช้เป็นที่ผลิต ซุกซ่อนและส่งยาเสพติดได้สำเร็จ  ใครที่ไม่ร่วมมือจะถูกจับฉีดยาเสพติด  ปล่อยให้หิวโหยจนต้องจับสัตว์ป่ามากินสดๆ  จนจะกลายเป็นผีดิบกันอยู่แล้ว พวกตนจึงเปรียบเสมือนผีเฝ้าประตูหมู่บ้าน ทำให้ยากที่ใครจะผ่านเข้าออกหมู่บ้านได้  ทุกอาทิตย์จะมีคนมาให้ยา ทำให้พวกตนไม่สามารถไปไหนได้ ต้องตกอยู่ในสภาพนี้

เมื่อรู้เรื่องราวทุกคนก็สงสารมาก และค่อนข้างมั่นใจว่าหมอสายรุ้ง ต้องอยู่ในหมู่บ้านนี้แน่ๆ  เพราะดูจากเครื่องแต่งกายของเผือก ก็พอจะเดาออกว่าคนที่พวกปราบเคยประมือด้วยต้องมาจากหมู่บ้านของเผือก  จ่าโย่งได้ยินเรื่องของนายใหญ่ ก็รู้ทันทีว่าทำไมสุชาติถึงส่งหน่วยประกอบเลี้ยงอย่างพวกเขาเข้ามาทำภารกิจนี้ สุชาติต้องเป็นนายใหญ่แน่ๆ ปราบขอให้เผือกช่วยนำพวกตนลอบเข้าหมู่บ้าน เผือกรับปากว่าจะช่วย ถ้าพวกปราบรับปากจะกำจัดความชั่วร้ายออกจากหมู่บ้าน

ในค่ำคืนดวงจันทร์เต็มดวงนั้น เลี้ยงยืนคิดอะไรอยู่เงียบๆ  หนูยิ้มนอนไม่ค่อยหลับ เดินเข้ามาหาเลี้ยงเงียบๆ แล้วเอ่ยชมเชยถึงความรู้ความสามารถในเรื่องพืชผักสมุนไพร กับขอบคุณที่ใช้ไหวพริบช่วยทุกคนไว้เลี้ยงยิ้มเศร้าแล้วเล่าให้หนูยิ้มฟังว่า  น้องชายของเลี้ยงติดยาอย่างหนัก กว่าคนในบ้านจะรู้ น้องชายของเลี้ยงก็อาการหนักมากแล้ว เลี้ยงพาน้องไปเลิกยาที่วัดแห่งหนึ่ง  หลวงพ่อพยายามใช้ยาสมุนไพรรักษาทุกวิถีทาง  แต่สายไปแล้ว  เลี้ยงต้องเสียน้องชายสุดที่รักไป เขาเศร้าใจมากและขอบวชอยู่กับหลวงพ่ออยู่ถึง 3 ปี  ถึงได้เรียนรู้วิชาด้านพืชผักสมุนไพรจากหลวงพ่อมาหมด  เลี้ยงมุ่งมั่นที่จะบุกเข้าทลายหมู่บ้านของปอดำ เพื่อทำลายแหล่งผลิตยาเสพติดนี้ให้ได้  เพื่อไม่ให้มันเล็ดลอดไปทำลายชีวิตคนดีๆ ได้อีก  หนูยิ้มรู้สึกประทับใจในตัวตนที่แท้จริงของเลี้ยง

นี่คือเลี้ยงที่หนูยิ้มไม่เคยเห็นมาก่อน  2 หนุ่มสาวยืนมองพระจันทร์กันเงียบๆ เนิ่นนาน  โดยหารู้ไม่ว่ามีสายตาที่ปวดร้าวของบานแอบมองอยู่ข้างหลัง

ที่หมู่บ้านของปอดำ  สายรุ้งไม่ได้โดนจับมัด หรือโดนทรมานแต่อย่างใด เธออยู่อย่างสบายกินอย่างดี เพียงแค่ไม่มีอิสระเท่านั้น  ปอดำส่ง ตองตึง  สาวสวยหน้าตามีแววหม่นเศร้า  อายุรุ่นราวคราวเดียวกับสายรุ้ง  และ หูหนู  น้องชายตัวอ้วนกลมเจ้าปัญหา ของตองตึงมาอยู่เป็นเพื่อน  สายรุ้งพยายามอ้อนวอนให้ตองตึง และ หูหนู ช่วยเหลือพาหลบหนี แต่ตองตึงไม่กล้า เพราะปอดำมีบุญคุณกับเธอมาก  สายรุ้งแปลกใจกับคนในหมู่บ้านของปอดำมาก เพราะทุกคนก็ดูเป็นคนดี ไม่มีพิษมีภัย จะเว้นก็แต่ปอดำที่แค่เดินผ่านกลิ่นความชั่วร้ายก็โชยเข้าจมูกจนขมคอ  แล้วทำไมทุกคนต้องรักและเคารพปอดำขนาดนี้  ตองตึงบอกว่าปอดำเป็นคนนำความเจริญและชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีมาสู่หมู่บ้าน    พ่อของตองตึงเคยเป็นหัวหน้าหมู่บ้านมาก่อน  วันหนึ่งเกิดคลุ้มคลั่งขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ  ปอดำเป็นคนช่วยไว้  ปัจจุบันพ่อของตองตึงนอนสงบนิ่ง และไม่สามารถสื่อสารกับใครได้  แต่ก็ดีกว่าอาละวาดทำร้ายคนโน้นคนนี้  ชาวบ้านเห็นว่าปอดำช่วยหัวหน้าเผ่าไว้ จึงยกให้ปอดำ ขึ้นเป็นหัวหน้าเผ่า  จริงๆ แล้วตองตึงยังมีน้องชายอีก 1 คน แต่หายสาบสูญไปนานแล้ว  ส่วนตองตึงนั้นพระจันทร์เต็มดวงครั้งหน้าเธอจะต้องแต่งงานกับปอดำ  สายรุ้งพยายามหาคำตอบว่า ปอดำจับสายรุ้งมาทำไมและป่านนี้พ่อจะรู้หรือไม่ว่าเธออยู่ที่ไหน  เป็นตายร้ายดีอย่างไร

เมื่อเผือกฟื้นตัวดีแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะออกไปช่วยสายรุ้ง เผือกวางแผนให้ทุกคนได้ลักลอบเข้าหมู่บ้าน โดยไปอาศัยอยู่กับบ้านพ่อของตน  ซึ่งก็คือหัวหน้าหมู่บ้านคนเก่านั้นเอง  เมื่อเผือกกลับมาเจอกับตองตึงพี่สาว  ความลับทุกอย่างจึงเปิดเผยขึ้นว่า คนที่วางแผนทุกอย่างนั่นคือปอดำนั้นเอง  สายรุ้งได้เจอกับพวกของปราบ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมกองทัพถึงส่งหน่วยประกอบเลี้ยงจอมเปิ่นทั้ง 5 มาช่วยเหลือตน  ทำให้ปราบ ยิ่งหมั่นไส้สายรุ้งมากขึ้นไปอีก  สายรุ้งได้มีโอกาสเข้าไปดูแลพ่อของตองตึง และวินิจฉัยว่ากล้ามเนื้ออ่อนแรง สาเหตุอาจมาจากการได้รับสารบางอย่างมากเกินไป

ปราบจึงสอบถามตองตึงได้ความว่า  พ่อหายจากอาการคลุ้มคลั่ง เพราะได้ยาดีจากปอดำ  ปราบขอดูยานั้น เลี้ยงเห็นยาสมุนไพรก็รู้ทันทีว่ามันเป็น “ว่านล้มช้าง”  ที่แม้แต่ช้างถ้าโดนพิษของว่านชนิดนี้ก็จะเกิดอาการอัมพาตชั่วคราว  ตองตึงรู้อย่างนี้แล้วก็แค้นใจปอดำมาก เพราะปอดำวางแผนทำร้ายช่วงชิงอำนาจจากพ่อและน้องชายของเธอ  เธอและเผือกจะต้องกอบกู้หมู่บ้านคืนจากปอดำให้ได้  จ่าโย่งออกความเห็นว่า ภารกิจของเราคือ ช่วยคุณหมอสายรุ้งเท่านั้น  ถ้าเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว ก็ควรจะออกจากหมู่บ้านแล้วกลับฐานได้  ปราบเสียใจกับความคิดของจ่าโย่งมากที่คิดจะทิ้งทุ่นเผือก เลี้ยงเองก็เห็นว่าเราน่าจะช่วยชาวบ้าน ให้พ้นจากปอดำ  ชาวบ้านจะได้ไม่ต้องมาพัวพันกับ ขบวนการค้ายา เสพติด  หนูยิ้มก็เห็นด้วย จึงขัดแย้งกับจ่าโย่ง ส่วนบานเห็นเลี้ยงกับหนูยิ้มเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยก็หมั่นไส้มาก

สายรุ้งยังอดสงสัยไม่ได้ว่าพวกของปราบจะลุยกับปอดำยังไง ในเมื่อไม่มีอาวุธอะไรเลย  ตองตึงกับเผือกให้ข้อมูลว่า ปอดำนั้นเข้าถึงตัวยากมาก เพราะมีลูกสมุนคอยคุ้มกันและปอดำก็ระวังตัวมาก ไม่ค่อยไว้ใจคนอื่น  แต่ก็มีนิสัยอย่างหนึ่งคือชื่นชอบการกินอาหารแปลกใหม่  ซึ่งนายใหญ่รู้ในจุดนี้ดีจึงนำอาหารแปลกใหม่มาให้ปอดำลองชิมอยู่ตลอด ตองตึงเองก็มีฝีมือในการทำอาหารจึงเป็นที่ถูกใจปอดำ ปราบได้ความคิดทันทีว่าเราไม่จำเป็นต้องใช้กำลัง แต่เราสามารถทำสงครามด้วยสมองและความถนัดของเราได้  จ่าโย่งรู้สึกหมั่นไส้ปราบ  แย้งขึ้นมาว่า ถ้วย กะละมัง หม้อ จะไปสู้ไปรบกับใครได้ยังไง  แอบพาตัวคุณหมอสายรุ้งออกไปก็จบเรื่อง แต่ไม่มีใครเห็นด้วยกับจ่าโย่ง

ปราบออกอุบายให้คนในหมู่บ้านที่ยังมีความภักดีกับพ่อของตองตึง ทำทีเป็นจับคนแปลกหน้าที่หลงเข้ามาในเขตหมู่บ้านได้ จึงนำตัวส่งปอดำ  พวกของปราบทำทีว่าเป็นชาวบ้านเข้ามาหาของป่า แกล้งทำโง่ๆ เซ่อๆ จนปอดำหลงเชื่อ  ปราบเสนอตัวว่า พวกเขาขอประกอบอาหารเลี้ยงคนในหมู่บ้าน  เป็นอาหารแบบใหม่ ที่รับรองว่าจะไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน และ ขอให้ปล่อยกลับไปได้ยินคำว่าอาหาร ปอดำหูผึ่งทันที  ปอดำออกปากว่าถ้าพวกของปราบทำให้เขาพอใจได้ จะปล่อยพวกปราบไปอย่างที่ขอ  ทั้งที่ปอดำรู้อยู่แก่ใจว่า ไม่สามารถปล่อยใครที่หลงเข้ามาในหมู่บ้านให้หลุดรอดออกไปได้

วันนั้นทั้งวัน กลุ่มของปราบ วุ่นวายกับการเตรียมอาหารเลี้ยงคนในหมู่บ้าน ปราบและจ่าโย่งก็ถกเถียงกันตลอดเหมือนที่ผ่านมา ระหว่างการทำอาหารแบบใหม่และแบบดั้งเดิม  เลี้ยงจึงไกล่เกลี่ยว่าให้ปรุงอาหารโดยใช้สูตรอาหารตำรับดั้งเดิม แต่ใช้วิธีจัดแต่งจานแบบใหม่  และลองปรับหาวัตถุดิบใหม่ๆ มาใช้ เป็นการประนีประนอมทั้งคู่  ระหว่างทำอาหารตองตึง กับ หูหนูต้องตะลึงกับเสียงการสับหมูของบาน  กับเสียงตะหลิวคู่ของหนูยิ้ม ที่ประสานกับเสียงบ่นพึมพำของจ่าโย่ง มันช่างฟังเพลินราวกับดนตรี  ปราบจึงได้ความคิดดีๆ ขึ้นมา  ในงานเลี้ยงคืนนั้นพวกของปราบสร้างความตื่นตาตื่นใจให้ปอดำ ด้วยอาหารรสชาติอร่อยและหน้าตาสะสวย  อีกทั้งยังเพลิดเพลินกับการแสดงดนตรีถ้วย ถัง กะละมัง หม้อ ปอดำพอใจมากจนทำให้ลืมระวังตัวเองสนิท กว่าจะรู้ตัวอีกที ปอดำและพรรคพวกก็ถูกว่านล้มช้างที่ตนใช้ทำร้ายคนอื่นเล่นงานจนขยับตัวไม่ได้  ชาวบ้านดีใจกันมาก  เพราะไม่อยากตกเป็นเครื่องมือของปอดำอีกต่อไป  สายรุ้งเริ่มมองปราบในแง่ดีขึ้นตามลำดับ แต่ไม่ใช่แค่สายรุ้งคนเดียว  ตองตึงก็รู้สึกปลื้มปราบเช่นกัน  จนทำให้หูหนูออกปากแซวพี่สาวบ่อยๆ

พวกของปราบจับกุมตัวปอดำและลูกน้องไว้ แล้วก็นำตัวกลับไปรับโทษ  ชาวบ้านบางส่วนรู้สึกว่า    ถ้าขาดปอดำเป็นหัวหน้า และถ้าไม่ได้ปลูกฝิ่นจะอยู่กันอย่างไร  จ่าโย่งจึงเล่าถึงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ขององค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ทุกคนฟัง  ทุกคนเข้าใจและจะนำไปปฏิบัติ  พวกของปราบเกือบจะเดินทางออกจากหมู่บ้านแล้ว ทุกอย่างน่าจะราบรื่น  ถ้าสิชลไม่นำกำลังมาถล่มหมู่บ้านซะก่อน  ปอดำจึงฉวยโอกาสนั้นหนีไปได้ สายรุ้งขอร้องสิชลว่าอย่าทำลายหมู่บ้าน เพราะสงสารชาวบ้านตาดำๆที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย คนที่ทำผิดคือ ปอดำ แต่ปอดำก็หนีไปแล้ว

สิชล ฉวยโอกาสเอาหน้ากับท่านนายพลพ่อของสายรุ้ง ที่นำกำลังบุกไปช่วยทุกคนกลับมาได้  แม้ว่าสายรุ้งจะพยายามอธิบายให้พ่อฟัง พ่อก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เพราะลูกกลับมาได้ก็ดีแล้ว  หน่วยประกอบเลี้ยงทั้ง 5 แทนที่จะกลับมาเยี่ยงวีรบุรุษ กลับโดนแย่งความดีความชอบไป  แถมยังโดนล้อเลียนว่าเป็นนักรบอาวุธเบา  รบด้วยถ้วย ถัง กะละมัง หม้อ

ปราบแบกความผิดหวังกลับเข้ากรุงเทพฯ อีกครั้ง  ผิดกันก็ตรงที่คราวนี้เขาได้รับความเห็นอกเห็นใจจากสายรุ้ง ซึ่งสร้างความไม่พอใจอรนารีเป็นอย่างมาก  เพราะปราบและสายรุ้งเริ่มสนิทสนมกัน  ท่านนายพลสุริยาไม่พอใจมากที่ลูกสาวไปสนิทสนมกับปราบ ซึ่งเป็นผู้นำความอับอายมาสู่กองทัพ  จึงเปิดโอกาสให้สิชล เข้ามาเป็นไม้กันหมา  ส่วนหนูยิ้มซึ่งหันมาสนิทสนมกับเลี้ยง ทำให้บานรู้สึกหึงหวงจนเกือบจะได้วางมวยกัน ส่วนจ่าโย่งนั้นฝังใจมากว่า ผบ.สุชาติต้องเป็นนายใหญ่ พ่อค้ายาเสพติดข้ามชาติรายใหญ่ที่ตองตึงเล่าให้ฟัง จึงพยายามจับตามองสุชาติ และสัญญากับตัวเองว่าจะต้องกระชากหน้ากากของสุชาติให้ได้

ทุกอย่างเกือบจะเข้าสู่ความสงบถ้าปอดำไม่กลับมาแก้แค้น โดยบุกไปจับตัวสายรุ้งและปราบถึงกรุงเทพฯ  คนที่ติดร่างแหไปด้วยคือ อรนารี  ปราบและสายรุ้งถูกนำตัวกลับมายังหมู่บ้าน  และพบว่าชาวบ้านได้ถูกปอดำกลับเข้ามายึดหมู่บ้านได้อีกครั้ง  ปอดำ ซึ่งมีแต่ความแค้นไม่ฟังเสียงใครเลย

แม้แต่นายใหญ่ที่ขอให้ปล่อยตัวทั้ง 3 คนกลับมา จนนายใหญ่ต้องออกโรงเอง การปรากฏตัวของนายใหญ่ทำให้หลายคนช็อก โดยเฉพาะอรนารี เพราะแท้จริง นายใหญ่คือ เสี่ยอ๋า พ่อของอรนารีนั่นเอง เสี่ยอ๋าบอกให้อรนารีทำใจ เพราะจำเป็นต้องกำจัดปราบและสายรุ้ง อีกทั้งต้องทำลายล้างหมู่บ้านให้สิ้นซาก ก่อนที่ความลับของเสี่ยอ๋าจะถูกเปิดเผย อรนารีเสียใจมากที่พ่อทำธุรกิจผิดกฎหมาย อรนารีเอาตัวเองเข้าขัดขวางการกำจัดปราบและสายรุ้ง จนตัวเองบาดเจ็บสาหัส เป็นจังหวะเดียวกับที่ เลี้ยง บาน จ่าโย่ง และหนูยิ้ม ตามมาช่วยปราบ สายรุ้ง และชาวบ้านบางส่วนออกไปได้

พวกของปราบและชาวบ้าน ต้องเข้าไปผจญภัยอยู่ในป่า โดยที่เสี่ยอ๋า และ ปอดำตามไล่ล่า ต้องไปผจญกับหมู่บ้านคนแคระ เสือสมิง และ เหตุการณ์ประหลาดต่างๆ ในป่า แต่พวกเขาก็รอดมาได้ด้วย ถ้วย ถัง กะละมัง หม้อของเขานั่นเอง  ในที่สุด….ก็พลาดพลั้งให้กับพวกปอดำ จนทั้งหมดเกือบจะโดนฆ่าตายโชคดีที่  ผบ.สุชาติและสิชล ตามมาช่วยได้ทันเวลา ปอดำ และ เสี่ยอ๋าโดนจับ แม้ว่าเสี่ยอ๋าจะขอให้ ผบ.สุชาติปล่อยตนเพื่อเห็นแก่ความเป็นเพื่อน แต่ ผบ.สุชาติบอกว่าตนเองไม่สามารถปล่อยคนที่ทำผิดกฎหมายได้ โดยเฉพาะการค้ายาเสพติดเป็นสิ่งที่สุชาติรับไม่ได้

สายรุ้งกลับสู่อ้อมอกพ่อด้วยความปลอดภัย ผบ.สุชาติโดนสั่งลงโทษทางวินัย แต่สายรุ้งขอร้อง พ่อเอาไว้ เนื่องจากสุชาติเป็นผู้ช่วยชีวิตตนและทุกคนไว้ สุชาติแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากราชการ ส่วนสิชลได้มีโอกาสไปดูแลอรนารี คู่กัดตั้งแต่เด็กของเขา จนทั้งคู่ต่างเห็นอกเห็นใจกัน เสี่ยอ๋าจึงขอฝากฝังลูกสาวไว้กับครอบครัวของสุชาติเพื่อนรัก โดยสุชาติเองก็รับปากว่าจะดูแลให้เป็นอย่างดี

ท่านนายพลสุริยา รู้สึกดีกับปราบและยอมเปิดโอกาสให้ทั้งคู่ลองศึกษาดูใจกัน  เลี้ยงฝ่าฟันความหวงลูกสาวของจ่าโย่งจนได้ลงเอยกับหนูยิ้ม  ส่วนบานขออยู่ดูแลตองตึงและปกป้องหมู่บ้านกลางป่าให้ปลอดภัย ปราบคิดท้อใจกับการรับใช้กองทัพ  เพราะคิดว่าตนเองไม่เหมาะกับการที่จะต้องไปจับอาวุธสู้รบกับใคร  การทำอาหารต่างหากที่เขาถนัด และชอบ บัดนี้เขารู้แล้วว่าคนเราไม่ว่าจะทำอะไรก็รับใช้ชาติและตอบแทนผืนแผ่นดินได้ทั้งนั้น  แต่สุดท้ายท่านนายพล ก็เสนองานที่เติมความฝันของปราบได้ทั้ง 2 อย่างนั่นคือ การแต่งตั้งให้ปราบเป็น ผบ. กองร้อยบริการพิเศษ ที่มีหน้าที่คิดสร้างสรรค์อาหาร เพื่อต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองและแขกของกองทัพ  ตลอดจนเป็นผู้แทนของกองทัพไปทำอาหาร เพื่อแจกจ่ายประชาชนในยามเกิดภัยพิบัติ  เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้แก่ประชาชน  โดยมี จ่าโย่ง เลี้ยง และ หนูยิ้มร่วมทีมด้วย จนเป็นที่มาของเรื่องราวของกองร้อยกระทะเหล็ก ที่เป็นหน้าเป็นตาของกองทัพที่เขารัก

 

รายชื่อนักแสดง ละคร กองร้อยกระทะเหล็ก

แมทธิว  พอล ดีน แสดงเป็น สิชล

เวนซ์  ฟอลโคเนอร์ แสดงเป็น ผบ. สุชาติ

นาท  ภูวนัย แสดงเป็น นายพลสุริยา

ซีแนม  สุนทร (AF 1) แสดงเป็น อรนารี

ศตวรรษ  ดุลยวิจิตร แสดงเป็น ปราโมท

สุชาดา  พูนพัฒนสุข แสดงเป็น รังรอง

นึกคิด  บุญทอง แสดงเป็น เสี่ยอ๋า

ธนายงค์  ว่องตระกูล แสดงเป็น ปอดำ

อัญชิสา  เลี่ยวไพโรจน์ แสดงเป็น ตองตึง

ภูดิศ  สุริยวงศ์ แสดงเป็น เผือก

ด.ช.ธีรภัทร  รัตนาสกุล แสดงเป็น หูหนู

ถนอม  นวลอนันต์ แสดงเป็น หัวหน้าหมู่บ้าน

a2

a3

a4

เรื่องน่าสนใจ