เอกซเรย์สมอง ด้วยวิธีแบบ CT Scan กับ MRI ควรเลือกแบบไหนดี? เพราะความรวดเร็วและแม่นยํา คือหนทางสว่างของผู้ป่วย หากสังเกตจากอาการแต่เพียงภายนอก คงไม่สามารถแยกแยะได้ว่า อาการที่ผู้ป่วยกําลังเผชิญอยู่ เกิดจากสาเหตุของความผิดปกติของหลอดเลือดสมองชนิดใด ดังนั้น การทําเอกซเรย์สมองอย่างละเอียด ไม่ว่าจะด้วยวิธีการทํา MRI (Magnetic Resonance Imaging) หรือ CT Scan (Computed Tomography Scan) จึงถือเป็นเรื่องที่จําเป็นมาก ที่จะสามารถช่วยแพทย์ในการวินิจฉัยโรคหลอดเลือดในสมองได้ดียิ่งขึ้น
โรคสมองเสื่อม กับ 7 สัญญาณเตือนให้ระวังตัวเองอาจเสี่ยงเป็นโรคสมองเสื่อม!
รักษามะเร็งด้วยคลื่นความร้อน ตัวช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
CT Scan กับ MRI เลือกแบบไหนอย่างไรดี?
CT Scan เป็นการใช้รังสีในการคํานวณ เพื่อสร้างภาพขึ้นมา ส่วน MRI นั้นเป็นการใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นตัวสร้างภาพขึ้นมา โดย CT scan จะใช้เวลาในการตรวจประมาณ 5 – 10 นาที ต่างกับ MRI ที่จะใช้ระยะเวลาในการทําต่อครั้งประมาณ 40 นาที แต่ข้อได้เปรียบของ MRI ก็คือ ให้ผลการตรวจที่ละเอียดกว่า สามารถมองเห็นรอยโรค หรือความผิดปกติบริเวณเนื้อเยื่อสมอง ที่การทํา CT scan ไม่สามารถมองเห็นได้ หรือมองเห็นได้แต่ไม่ชัดเจน เช่น เนื้อเยื่อสมองที่มี เส้นเลือดตีบ การทํา MRI จะสามารถมองเห็นได้เร็วกว่า CT scan โดยเฉพาะหลอดเลือดสมองตีบในระยะแรก
ทั้งนี้ การทํา CT scan จะให้ผลที่ชัดเจนกว่า MRI ในกลุ่มผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองแตก หรือกลุ่มที่มีอาการเลือดออกในสมอง เนื่องจากการทํา MRI ผู้แปลผลการตรวจจะต้องแยกแยะให้ได้ว่า โรคอยู่ในระยะหรือในช่วงใด ซึ่งหากผู้แปลผลไม่มีความชํานาญมากพอ ก็จะทําให้ไม่สามารถแปลผลเรื่องเลือดออกในสมองได้อย่างแม่นย่า
ผู้ป่วยบางรายที่มาด้วยอาการที่กํากึ่ง ว่าจะมีสาเหตุมาจากเส้นเลือดในสมองตีบหรือไม่? ในส่วนนี้เราก็จําเป็นจะต้องอาศัยความแม่นยําในการวินิจฉัยด้วย MRI จึงจะสามารถตอบโจทย์ได้ดีกว่า หรือเคสที่ผู้ป่วยเป็นเส้นเลือดสมองตีบในส่วนของก้านสมอง อย่างนี้เป็นรอยโรคที่ CT scan มองเห็นได้ยาก การทํา MRI ก็จะสามารถเข้าถึงได้ในตําแหน่งที่ยากๆ กว่า
คําแนะนําจากหมอสมอง
ในผู้สูงมายุ โรคที่เราสามารถพบได้บ่อย คือโรคหลอดเลือดสมองตีบ และโรคสมองเสื่อม ได้แก่ โรคอัลไซเมอร์ และพาร์กินสัน การดูแลก็คือการควบคุมปัจจัยเสี่ยง ที่จะทําให้เกิดโรคเหล่านี้ได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นความดัน ไขมัน เบาหวาน หรือโรคหัวใจ ที่ควรหมั่นเช็คสุขภาพ ออกกําลังกายสม่ำเสมอ และควรมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างบ้าง เพราะถ้าปล่อยให้อยู่คนเดียว ไม่ออกไปพบปะผู้คน สมองก็มีการใช้งานนาน ก็ยิ่งมีการเสื่อมได้เร็วมากยิ่งขึ้น
สําหรับคนที่อายุน้อย หรือกลุ่มคนในวัยทำงาน ควรดูแลเรื่องความเครียดเป็นหลัก เพราะความเครียดจะทําให้สมองทํางานหนัก และทําให้เกิดความเสื่อมได้ หรือกระทั่งอารมณ์ซึมเศร้าเองก็อาจมีส่วน นอกจากนี้ อาหารการกินก็มีส่วนที่ทําให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบได้เช่นกัน
………………………………………………………….
เพราะสมองคืออวัยวะที่ต้องทำงานอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง เพราะฉะนั้น การดูแลสุขภาพสมองเพื่อตอบแทนสมองที่ต้องทํางานอย่างเหนื่อยล้า ทําได้ง่ายๆ แค่หมั่นตรวจเช็คสุขภาพ และให้สมองของคุณได้รับการพักผ่อนจากกิจกรรมสร้างสรรค์ต่างๆ เพียงเท่านี้ ก็เป็นการเสริมเกราะป้องกันโรคทางสมองที่จะมาเยือนได้แล้ว
เนื้อหาโดย Dodeden.com