ที่มา: Matichon Online

วันที่ 26 สิงหาคม  ผศ.พญ.สุวิรากร  โอภาสวงศ์  ประธานประชาสัมพันธ์  สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย  กล่าวว่า ประชาชนบางกลุ่มมีการรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดเพื่อหวังผลเรื่องผิวพรรณเปล่งปลั่ง ไร้สิว ซึ่งเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้องเนื่องจากปัจจุบันมียาเม็ดคุมกำเนิดหลายชนิด อาทิ ชนิดรวมสารเอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรน ชนิดที่มีเพียงโปรเจสเตอโรนอย่างเดียว ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินใช้ระยะสั้นมีฮอร์โมนสูง ห้ามใช้บ่อย และยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดเลียนแบบธรรมชาติ ซึ่งตัวนี้เลิกใช้ไปแล้วเพราะประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดไม่แน่นอน 

ดังนั้นจะใช้แบบเหมารวมผลเลยไม่ได้ ซึ่งถ้าฮอร์โมนเอสโตรเจนเยอะจะทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง แต่ในขณะเดียวกันอาจจะทำให้เกิดฝ้า ทำให้ผนังมดลูกหนาตัวมากไป มีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งทางระบบสืบพันธุ์ เสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมสูงขึ้น

ส่วนโปรเจสเตอโรน เป็นตัวที่เป็นแอนตี้แอนโตรเจน ทำให้เกิดการคั่งน้ำ บวมน้ำซึ่งจะสังเกตว่าเวลามีประจำเดือนผู้หญิงจะเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล หน้าอกใหญ่ขึ้น สะโพกผาย เพราะว่าน้ำคั่งขึ้นมานั่นเอง

Depositphotos_42580109_m-2015

“ยาคุมกำเนิดเป็นข้อบ่งชี้ที่ทำมาเพื่อคุมกำเนิด แต่ผลข้างเคียงที่มีประโยชน์คือ ช่วยรักษาสิว ลดอาการปวดท้องก่อนมีประจำเดือนได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนทานได้ โดยเฉพาะคนที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเลือดแข็งตัวผิดปกติ ไมเกรน โรคตับ โรคไต มะเร็งเต้านม มะเร็งมดลูก คนที่ตั้งครรภ์ ต้องระวัง ดังนั้นไม่ควรเสี่ยงซื้อยาคุมกำเนิดกินเอง ควรปรึกษาแพทย์ก่อน และแพทย์จะให้ใช้ยาคุมฯ เพื่อรักษาสิวในคนที่มีลักษณะคล้ายผู้ชาย มีขน หนวด ประจำเดือนเยอะ แต่ก็ไม่ได้พิจารณาเป็นตัวแรก”

พญ.สุวิรากร กล่าวว่า การรับประทานยาคุมกำเนิดยังมีผลข้างเคียงทำให้คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ น้ำหนักตัวเพิ่ม ปวดศีรษะแบบไมเกรน บางตัวทำให้สิวเห่อ เป็นฝ้า ประจำเดือนมากระปริดกระ จริงๆแล้ว การทำให้มีผิวขาวใส ไม่มีสิว อยู่ที่การดูแล เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิว หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด ใช้ครีมกันแดด สวมเสื้อผ้าที่ปกปิดผิว สวมหมวก หรือกางร่มช่วยกันแดด รับประทานอาหารจำพวกผัก ผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ๆ ดื่มน้ำมาก ๆ พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่เครียด เป็นต้น

เรื่องน่าสนใจ