ยังคงเป็นข่าวกระแสพูดถึงไม่แพ้กัน หลังจากตำรวจได้สืบจนสามารถจับกลุ่ม ลัทธิมนต์ดำ ขโมยศพไปทำไสยศาตร์ ตำรวจเชียงใหม่แจ้งข้อหาสองผัวเมีย ‘ป้าบุญ-สัปเหร่อนวย’ แห่งสุสานหายยา ผิดตาม พ.ร.บ.สาธารณสุขและเทศบัญญัติ รับสารภาพ แต่ปฏิเสธไม่เคยขายซากทารกให้อาจารย์จอมขมังเวททั้งหลายไปทำกุมารทอง ส่วน 10 เจ้าสำนักส่อรอด…
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 28 เม.ย.58 นายสุทัศน์ เนรมิตร หรือ ‘สัปเหร่อนวย’ อายุ 58 ปี และนางสมบูรณ์ เนรมิตร หรือ ‘ป้าบุญ’ อายุ 70 ปี ภรรยา ได้เดินทางมาเข้าพบ พ.ต.ต.มาโนช เยี่ยมเจริญ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ พล.ต.ต.ปชา รัตนพันธ์ รอง ผบช.ภ.5 และ พ.ต.อ.วีระยุทธ ประสพโชคชัย ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่
เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ลักลอบ รับ ขน กำจัดขยะและสิ่งปฏิกูลโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันดำเนินการรับเก็บ ขน หรือกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยติดเชื้อโดยทำเป็นธุรกิจ หรือโดยได้รับประโยชน์ตอบแทนด้วยการคิดค่าบริการอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 มาตรา 6 และมาตรา 68/1 และความผิดตามเทศบัญญัติของเทศบาลนครเชียงใหม่ มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ขณะที่ พล.ต.ต.ปชา รัตนพันธ์ รอง ผบช.ภ.5 กล่าวว่า วันนี้ทางพนักงานสอบสวนได้เรียกสองสามีภรรยามาแจ้งข้อหา ซึ่งในชั้นการสอบสวนสองผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ว่าได้ครอบครองชิ้นเนื้อมนุษย์ จำนวน 16 ถุงที่ตรวจพบเมื่อวันก่อนจริง ทางพนักงานสอบสวนจึงได้ดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุขไปก่อน
ต่อคำถามของผู้สื่อข่าวว่า การขยายผลไปยังเกจิอาจารย์อีก 10 สำนัก ที่นำซากทารกไปทำกุมารทอง หรือลูกกรอกขาย ได้ดำเนินการไปถึงไหนแล้ว รอง ผบช.ภ.5 กล่าวว่า เรื่องนี้ได้รายงานให้ทาง พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบ.ตร.ทราบแล้ว และซึ่งรอง ผบ.ตร.ได้สั่งการมายัง บก.สืบสวนทุกภาค ให้จับตาบุคคลที่มีพฤติการณ์ในเรื่องเหล่านี้ ทั้งพระและฆราวาส พร้อมให้สืบสวนหาเครือข่าย อย่างไรก็ดี การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้ สามารถป้องปรามขบวนการค้าซากทารกและชิ้นส่วนมนุษย์ซึ่งถือว่าเป็นขยะติดเชื้อจากโรงพยาบาล ให้อยู่ในกรอบของกฎหมายได้.
