เนื้อหาโดย Dodeden.com

หายใจเข้า…หายใจออก…หลับตาทิ้งโลกทั้งใบไว้เบื้องหลัง…แต่ก่อนที่คุณสาวๆ จะเบือนหน้าหนีวิธีรักษาที่ดูเหมือนง่ายแสนง่ายนี้ คุณควรรู้ว่าศูนย์ข้อมูลแห่งการรักษาจากภายในบันทึกไว้อย่างไร

การนั่งสมาธิถือเป็นวิธีรักษาที่เห็นผลชัดเจน แพทย์หลากหลายสาขาต่างก็แนะนําให้ผู้ป่วยชาวอเมริกันกว่า 6 ล้านคนเลือกวิธีนี้ เพราะมันช่วยลดความวิตกกังวล ตลอดจนความวุ่นวายในสมอง อันนํามาซึ่งอาการเจ็บป่วยทางร่างกาย นอกจากนั้นมันยังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ลดความดันโลหิต และเยียวยาอาการซึมเศร้าได้เป็นอย่างดี มันให้ผลดีกระทั่งศาสตร์ทางการแพทย์แผนตะวันตกที่ก้าวหน้าที่สุด ยังไม่สามารถหาผลเสียหรืออาการข้างเคียงจากการรักษาได้เลย “ไม่สงสัยเลยว่ายิ่งคนนั่งสมาธิมากขึ้น เปอร์เซ็นต์คนป่วยก็ยิ่งน้อยลง”  แม้การนั่งสมาธิจะไม่ช่วยให้คุณหายจากอาการหวัด แต่มันช่วยลดความเครียดซึ่งเป็นปัจจัยหลักของอาการป่วยต่างๆ นานาได้

นอกจากนั้น ผลวิจัยล่าสุดบ่งชี้ว่า อะไรก็ตามที่กระตุ้นร่างกายให้ตื่นตัว ส่งผลด้านบวกอย่างมหาศาลให้กับสมองอีกด้วย ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ลงในวารสารเพื่อการวิจัยทางจิตวิทยาพบว่า การนั่งสมาธิช่วยกระตุ้นการทํางานของสมองที่ใช้เรียนรู้และจดจําได้อย่า มีประสิทธิภาพ และคุณไม่จําเป็นต้องใช้เวลา 7 ปีในหุบเขาที่ประเทศทิเบตในการนั่งสมาธิแต่อย่างใด เพียงใช้เวลาเงียบๆ ในห้องตัวเองวันละครึ่งชัวโมง เป็นเวลา 2 เดือนติดต่อกัน ก็เห็นผลชัดเจนแล้วที่สําคัญ…ไม่เสียค่าใช้จ่าย ใดๆ อีกด้วย

คนส่วนใหญ่ไม่สามารถนั่งนิ่งๆ กําหนดลมหายใจได้โดยจิตใจไม่เตลิดเปิดเปิงไปไหน การฝึกสมาธิภาวนาเป็นอีกขั้นหนึ่งของการฝึกสมาธิทั่วไป โดยคุณต้องกําหนดจิตและสติให้อยู่กับลมหายใจเข้า-ออกเพียงอย่างเดียว และสกัดกันความคิดฟุ้งซ่านอื่นๆ ออกจากจิตใจให้หมดสิ้น ผลที่ได้รับยามจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้นานขึ้น ความเครียดจะลดลง คุณสามารถล้างจานพร้อมๆ กับฝึกสมาธิได้เหมือนกัน ตราบใดที่คุณจดจ่ออยู่กับการล้างจานเพียงอย่างเดียว คนที่เริ่มต้นฝึกสมาธิควรเลือกสถานที่สงบเงียบ โดยไม่จําเป็นต้องสวดมนต์ใดๆ เริ่มต้นจากท่านั่งที่สบาย หลับตาลงแล้วผ่อนคลาย กําหนดลมหายใจเข้า-ออก อย่าบังคับตัวเองให้หายใจเข้าลึกๆ หรือหายใจออกยาวๆ แค่หายใจตามธรรมชาติของร่างกายคุณขณะที่นั่งสมาธิอยู่

ภาพและเสียงอาจผ่านเข้ามาในหัวเหมือนฉายหนังย้อนหลัง เป็นเรื่องปกติ อย่าเอาจิตไปยึดติดกับมัน ปล่อยมันไปแล้วหันมาจดจ่ออยู่กับการทําสมาธิต่อไปเรื่อยๆ พยายามฝึกให้ได้วันละ 10 นาที ก่อนเพิ่มเป็น 20 นาทีและค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละสัปดาห์ที่ผ่านไป การเข้าสู่ภวังค์ของการทําสมาธิอาจให้ความรู้สึกแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่จุดมุ่งหมายหลักก็คือ การปลดปล่อยตัวเองจากภาวะเครียด คุณจะรู้สึกทรมานมากในช่วง 5 นาทีแรก แต่อย่าเพิ่งท้อ หากคุณไม่สามารถทําสมาธิได้ทันทีทันใด แต่ให้ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปแล้วจะทําได้เองในที่สุด

เรื่องน่าสนใจ