เนื้อหาบางส่วนโดย Dodeden.com
หากคุณกำลังมองหน้าสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ ราคาไม่แพง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวน่าประทับใจสักที่หนึ่ง ลองไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ไม่ไกลเรากันไหมค่ะ? กับ สปป. ลาว เพราะที่นั่นไม่ง่ายไม่ยุ่งยาก อีกทั้งยังมีสถานที่ส่วยงามมากมาย บรรยากาศก็ดีอีกด้วยล่ะค่ะ!
โดยคุณพอชโรชาได้ออกมาโพสต์กระทู้แนะนำการเดินทางท่องเที่ยวที่ สปป. ลาว ในเว็บไซต์พันทิปดอทคอมเป็นการสรุปเส้นทางการเดินทาง เวียงจันทร์-หลวงพระบาง-วังเวียง แบบฉบับกระชับ เป็นคู่มือเริ่มต้นสำหรับนำข้อมูใช้ไปเดินทางท่องเที่ยวต่อกันได้ค่ะ ซึ่งกระทู้ของคุณพอชโรชานั้น จะรีวิวเน้นวิธีการเดินทางเป็นหลัก รวมถึงค่าใช้จ่ายในการเดินทางต่างๆ รวมถึงทริคสำคัญเอาตัวรอดในการโดนเรียกค่าใช้จ่ายจากเหล่าบรรดาพ่อค้าแม่ค้า หรือคนขับรถสาธารณะที่เรียกเก็บจากนักท่องเที่ยวสูงนะคะ โดยเนื้อหาในกระทู้นั้นเริ่มต้นเส้นทางกันตั้งแต่จากกรุงเทพเลยค่ะ
1. กรุงเทพฯ
รสบัสจากกรุงเทพฯ-อุดรธานี เราเลือกเดินทางตอนกลางคืนรอบดึกที่สุด 23.00 น. เพื่อให้ถึงเวียงจันทน์ในตอนสายๆ ตั๋วรถบัสสามารถหาซื้อได้ที่ขนส่งหมอชิต 2 ไปเดินเลือกบริษัททัวร์และคุณภาพที่นั่งกันได้ตามใจชอบ สำหรับรถบัสไปอุดรธานีของ บขส. ถูกที่สุดคือ ปอ.2 ราคา 380 บาท
2. กรุงเทพฯ-เวียงจันทน์
ถึงสถานีขนส่งอุดรธานี บริการรถบัสอุดร-เวียงจันทน์ ของ บขส. จะมีทุกๆ 1 ชั่วโมง ตั๋วราคา 80 บาท ซื้อพร้อมยื่นพาสปอร์ต รวมเวลาผ่านด่าน ตม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง
เมื่อถึงด่าน ตม. ให้เขียนใบขาเข้าและขาออกให้เรียบร้อยทีเดียว ตอนขาออกจะได้ไม่วุ่นวายหาปากกาอีกรอบ ขณะที่เราปั๊มผ่านด่าน รถบัสจะไปจอดฝั่งลาว ทำเสร็จแล้วไม่ต้องเดินย้อนกลับมาที่เดิม ให้เดินออกอีกฝั่ง จะเห็นรถบัสจอดรออยู่
นั่งรถบัสไปอีกไม่กี่นาทีก็จะต้องลงจากรถอีกครั้ง เพื่อทำเรื่องเข้าเมืองลาว (เมื่อกี้เราทำเรื่องออกประเทศไทย) ยืนเข้าคิวและยื่นพาสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่เหมือนเดิม หลังจากนั้นให้มองหาเคาน์เตอร์ซื้อบัตรผ่านแดนแถวๆเกาะกลางถนนตรงจุดผ่านด่านเข้าเมืองนี้คุณจะเสียเงินอีก 5 บาทเพื่อซื้อบัตร One Way Ticket สำหรับข้ามไปฝั่งลาว การซื้อบัตรต้องใช้พาสปอร์ตยื่นซื้อ ได้บัตรแล้วเสียบเข้าเครื่องเพื่อผ่านเข้าลาว (เหมือนเสียบเข้า BTS ในบ้านเรานั่นแหละ)
3. เวียงจันทน์
รถบัสของ บขส. จะพาคุณไปส่งที่สถานีขนส่งเวียงจันทน์ ตรงนี้คนขับตุ๊กๆประมาณสามแสนคนจะเข้ามารุมคุณ อากาศร้อนอาจทำให้คุณตาลายเหมือนเห็นซอมบี้ ขอให้ตั้งสติ… แน่นอนว่าคุณยังไม่รู้เส้นทางใดๆในเมืองนี้ ครั้งแรกของเรา เสียค่าโง่ให้ตุ๊กๆไปส่งที่ที่พัก 120 บาท (ต่อจาก 150 บาท) ทั้งที่มันไม่ได้ไกลกันมากเลย สามารถเดินได้
ถ้าคุณยอมอดทนกับความวุ่นวายได้อีกนิด ถามคนแถวๆนั้นว่ามีร้านโทรศัพท์มือถืออยู่แถวไหนบ้าง สิ่งแรกเมื่อเหยียบเวียงจันทน์ที่เราแนะนำให้คุณทำคือ รีบหาร้านขายโทรศัพท์มือถือ เพื่อซื้อซิมลาวในราคา 100 บาท และแพ็กเก็จ Data สำหรับเฉพาะเล่น Internet ซึ่งตรงนี้เราซื้อแบบ 5 GB ใช้ได้ 1 เดือน ราคา 200 บาท (ซื้อซิมจากร้านขายมือถือจะดีกว่าซื้อตามร้านสะดวกซื้อ)
Google Maps คือเพื่อนซี้ของเราในการเดินทางคนเดียว เราสามารถคำนวณได้ว่าจากที่เราอยู่จะสามารถเดินทางไปไหนได้บ้าง ซึ่งบอกตามตรงเวียงจันทน์เป็นเมืองที่สามารถเดินชมเที่ยวสถานที่ต่างๆได้ ทั้งประตูไสย ธาตุดำ ตลาดเช้า พระธาตุหลวง ตลาดมืด และตรงสถานีขนส่งนั้นสามารถเดินไปยังแหล่งที่พักได้ในรัศมีไม่เกิน 2 กิโลเมตร ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องขึ้นตุ๊กๆคราวละ 120-150 บาทเลย
สถานที่เที่ยวมีพระธาตุหลวงที่ออกจะห่างไปสักหน่อย แต่หากคุณสามารถเดินจากที่พักไปเที่ยวประตูไสยได้ เดินต่อไปอีก 2.5 กิโลเมตรก็ถึงพระธาตุหลวงแล้ว (รวมๆแล้วห่างจากบริเวณที่พักประมาณ 4 กิโลเมตร ไป-กลับ 8 กิโลเมตร)
4. เวียงจันทน์-หลวงพระบาง
รถบัสจากเวียงจันทน์ไปหลวงพระบางใช้เวลา 10-12 ชั่วโมง หรืออาจมากถึง 13-15 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในช่วงเวลานั้นและทักษะของคนขับแต่ละคน เราแนะนำให้นั่งรถตู้ถ้าคุณสามารถหาได้
เพราะรถตู้จะราคาถูกกว่า ไม่เหม็นกลิ่นน้ำมัน และรถเล็กมีความคล่องตัวกว่า แต่ส่วนใหญ่จะมีให้บริการแบบรถบัส VIP หรือรถนอน
ราคามาตรฐานของรถบัส VIP จะอยู่ที่ 180,000 กีบ (700 บาท) เราลองเดินเทียบกัน 3-4 เจ้าบริเวณที่พัก พบว่าที่โรงแรม New Paris Hotel จะขายถูกที่สุดอยู่ที่ 170,000 กีบ (680 บาท) รถนอนราคาเท่ากันที่ 200,000 กีบ (800 บาท) แต่เนื่องจากเราเป็นผู้หญิงเดินทางคนเดียวจึงเลือกรถนั่ง เพราะรถนอนต้องแชร์เตียงกับคนแปลกหน้าอีกคนและต้องนอนไปตลอดทาง
รถบัส VIP นั้นค่อนข้างสุดจะทน เพราะคุณต้องทนเหม็นกลิ่นน้ำมันรถตลอดการเดินทาง เหม็นจนปวดหัวเหม็นจนไม่สามารถข่มตานอนหลับได้ ต้องดมยาดมหรือกลั้นหายใจสลับไปตลอด ขนาดฝรั่งยังอ้วกแตกเพราะทนไม่ไหว แถมคนขับยังเปิดเพลงกาโวกาโวกาโวเสียงดังทั้งคืน ย้ำ…เสียงดัง-ทั้งคืน ไม่มีนโยบายปล่อยให้ผู้โดยสารพักผ่อน พอช่วงรุ่งสางคนขับจะเริ่มบีบแตรรถตามจังหวะเพลงที่กำลังบรรเลงอยู่ กลางป่ากลางเขานั่นแหละ (สุดจะทน)
**เลือกเดินทางจากเวียงจันทน์ไปหลวงพระบางในตอนกลางคืนจะช่วยให้คุณประหยัดค่าโรงแรมได้ 1 คืน**
5. หลวงพระบาง
เมื่อถึงหลวงพระบาง รถบัสจะพาคุณไปลงที่ที่สถานีขนส่งทิศใต้ (ในเขตเมืองมรดกโลกไม่ให้รถขนาดใหญ่เข้าไป : ข้อมูลจากคุณ dheera) จากตรงนั้นห่างจากบริเวณที่พักในเมืองประมาณ 2.6 กิโลเมตรหรือราวๆ 4 กิโลเมตรหากคุณพักอยู่แถบริมโขงฝั่งวัดเชียงทอง ค่าตุ๊กๆคนละ 20,000 กีบ (80 บาท) เขาจะพาคุณและคนอื่นๆไปส่งในตัวเมืองหลวงพระบาง เปิด Google Maps หาที่พักของคุณ จะพบว่าที่ที่ตุ๊กๆพามาส่งนั้นคุณสามารถเดินไปที่พักจากตรงนั้นได้
เมืองหลวงพระบางเป็นเมืองสงบเล็กๆที่คุณสามารถเดินชมเมืองเก่า ขึ้นวัดพูสี เดินตลาดเช้า ชมพิพิธภัณฑ์ และเข้าวัดได้สบายๆ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยานพาหนะ โดยจะมีค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์และวัดต่างๆ เช่น ค่าขึ้นวัดพูสี 20,000 กีบ (80 บาท) ค่าเข้าชมหอพิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง 30,000 กีบ (120 บาท) เป็นต้น
หากต้องการไปน้ำตกกวางสีซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 30 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที คุณสามารถติดต่อถามการเดินทางได้จากที่พัก ค่าบริการรถตู้คนละไม่เกิน 400 บาทและเมื่อไปถึงที่นั่นจะมีค่าเข้าอีก 40 บาท นอกจากนี้ยังมีการขายทริปอื่นๆ เช่น One day trip เล่นน้ำกับช้าง ซึ่งคุณสามารถหาซื้อได้จากร้านหลากหลายในเมือง
6. หลวงพระบาง-วังเวียง
ตอนนี้เรารู้แล้วว่ารถบัส VIP นั้นหลอนมาก ไม่เอาอีกแล้วรถบัส คราวนี้จึงออกเดินทางหลวงพระบางไปวังเวียงด้วยรถตู้ (ถูกและดีกว่า) รถตู้จากหลวงพระบางไปวังเวียงสามารถหาซื้อได้จากที่พักของคุณหรือเดินตามในเมืองหลวงพระบางก็มีให้เห็นเยอะแยะ เราเดินถามแต่ละเจ้าที่ขายตั๋วรถราคาแทบไม่ต่างกันเลย ฉะนั้นจองกับที่พักของคุณก็ได้ สะดวกและรถมารับจากที่พักเลย
ราคาสำหรับรถตู้จะอยู่ที่ 120,000 กีบ (480 บาท) ราคารถบัส VIP 150,000 กีบ (600 บาท) ใช้เวลาเดินทางจากหลวงพระบางไปวังเวียงประมาณ 6 ชั่วโมง
7. วังเวียง
เมื่อถึงวังเวียง รถตู้จะพาคุณไปส่งที่ที่มีตุ๊กๆวนเวียนอยู่เช่นเคย แต่ตุ๊กๆที่นี่จะพาคุณไปส่งถึงโรงแรมที่พักเลย ค่าตุ๊กๆคนละ 20,000 กีบ (80 บาท) อย่าลืมบอกชื่อรีสอร์ทของตัวเองเป็นการกำชับตอนจ่ายเงินด้วย
ในเมืองวังเวียงนั้นสามารถเดินได้ก็จริง แต่เนื่องจากแดดแรงมากและในตัวเมืองแทบไม่มีร่มเงาของต้นไม้เลย เราแนะนำให้คุณหาเช่าจักรยานในราคา 15,000 กีบ (60 บาท) ต่อวัน เอามาคืนอีกทีก็หนึ่งทุ่มเลย พระอาทิตย์ตกแล้วสามารถเดินไปไหนมาไหนได้ ไม่ร้อน ที่เที่ยวในวังเวียงที่คุณสามารถเที่ยวได้ด้วยตนเองคือถ้ำจัง สะพานแดง มีน้ำตกให้เล่น ค่าเข้าคนละ 2,000 กีบ (8 บาท) หากต้องการขึ้นถ้ำจังต้องเสียเงินค่าเข้าอีก 15,000 กีบ (60 บาท) ในราคาของชาวต่างชาติ
วังเวียงนั้นเป็นเมืองเหมาะสำหรับทำกิจกรรมผาดโผนมากกว่าการมาพักผ่อนสงบจิตสงบใจ หากคุณเดินทางคนเดียวอาจไม่อินกับวังเวียง เนื่องจากกิจกรรมผาดโผนทั้งหมดนั้นเหมาะที่จะเล่นกับกลุ่มเพื่อนมากกว่า กระโดดบลูลากูน ลอดถ้ำน้ำ พายเรือคายัค ล่องห่วงยางข้ามสะพานแม่น้ำซอง กิจกรรมทั้งหมดนี้ต้องเสียค่าใช้จ่ายทั้งหมด คุณสามารถหาซื้อ One day trip ได้จากในตัวเมือง ทริปที่ได้รับความนิยมคือ ลอดถ้ำน้ำ พายเรือคายัค ล่องห่วงยาง ราคา 165,000 กีบ (660 บาท) รวมอาหารกลางวัน เริ่มกิจกรรมตอน 09.00 น. ใช้เวลาเกือบค่อนวันในการทำกิจกรรมทั้งหมด
สถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมที่มักแยกจากโปรแกรม One day trip คือไปบลูลากูน และ Tubing ค่าบริการรับส่งไปบลูลากูนคนละ 35,000 กีบ (140 บาท) เมื่อไปถึงต้องเสียค่าเข้าอีกคนละ 10,000 กีบ (40 บาท) ส่วน Tubing ใช้เวลาล่อง 3 ชั่วโมง ค่าบริการนั้นคิดค่อนข้างยิบย่อยมาก เหมือนต้องเสียหลายๆต่อ เฉพาะค่า Tubing และอุปกรณ์คนละ 150,000 กีบ (600 บาท) ไม่รวมค่ารถพาไปส่งจุดปล่อยตัวอีกหลายหมื่นกีบเทียบกันแล้ว One day trip ดูจะคุ้มค่ามากกว่า ได้ทำหลายกิจกรรมในราคาที่ต่างกันแค่ 60 บาท
8. วังเวียง-อุดรธานี-(เวียงจันทน์)
คุณสามารถถามซื้อตั๋วรถบัสวังเวียง-อุดรธานีได้จากที่พักเลย ในวังเวียงจะมีเพียงเจ้าเดียวเท่านั้นที่ทำรถบัสสายตรงนี้ เพราะเป็นรถของ บขส. จากประเทศไทย ให้พนักงานจากที่พักจะเป็นคนติดต่อให้ ตั๋วรถจากวังเวียง-อุดร ราคา 420 บาท
แต่ถ้าคุณไปวังเวียงในช่วงเทศกาล รถบัสจากวังเวียงกลับอุดรธานีโดยตรงมักจะหมด (หมดเร็วมากและหมดติดต่อกันหลายวัน) ดังนั้นจึงต้องไปลงเวียงจันทน์ก่อนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ค่ารถบัสวังเวียง-เวียงจันทน์ 60,000 กีบ (240 บาท)
เมื่อถึงเวียงจันทน์แล้วรถตู้จะพาคุณไปจอดในจุดที่ใครลงแล้วก็ต้องงงว่าเราอยู่ตรงไหนฟระ แต่กลับมีตุ๊กๆหลายคันมาจอดรออยู่ นี่เป็นวิธีทำให้เราเสียเงินค่าเดินทางเพิ่ม โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ไม่รู้เส้นทางในเวียงจันทน์มาก่อน แต่เนื่องจากเราเคยอยู่ในเวียงจันทน์ในช่วงต้นทริปมาก่อนแล้ว และเดินเท้าบนถนนในเมืองมาจนคล่อง จึงรู้ว่าจากตรงที่รถบัสมาจอดสามารถเดินไปสถานีขนส่งเวียงจันทน์ได้ โดยไม่ต้องเสียเงินให้ตุ๊กๆอีกคนละ 20,000 กีบ (40 บาท) จากตรงนี้ เมื่อลงจากรถบัสแล้วให้เปิด Google Maps เสิร์ชหา Morning Market สถานีขนส่งจะอยู่แถวนั้น
9. เวียงจันทน์-(หนองคาย)-อุดรธานี
จากเวียงจันทน์กลับอุดรธานีจะมีรถบัสออกทุกๆ 1 ชั่วโมง ราคา 85-95 บาท ไม่เกิน 100 บาท ในช่วงเทศกาลหากรถบัสเข้าอุดรธานีส่วนใหญ่จะเต็มในเที่ยวถัดๆไปและคุณต้องรอมากกว่า 3 ชั่วโมงหรือบางทีอาจต้องรอค้างอีกวัน แนะนำให้ไปรวมตัวกับเพื่อนคนไทยแถวนั้น จะมีบางคนที่รีบกลับอุดรเพื่อไปให้ทันไฟล์ทบิน ตรงสถานีขนส่งจะมีบริการรถตู้ไปส่งด่านหนองคายคนละ 100 บาท (ต่อจาก 150 บาท)
รถตู้จากเวียงจันทน์สามารถมาส่งเราได้ถึงแค่ตรงด่าน ตม. เท่านั้น หากต้องการให้เขาข้ามด่านไปส่งถึงอุดรต้องเสียอีก 800 บาท เมื่อถึงด่าน ตม. ให้ทำเหมือนตอนขามา อย่าลืมไปเอาบัตร One Way Ticket สำหรับผ่านเครื่องรับบัตรกลับฝั่งไทย โดยขากลับรอบนี้คุณไม่ต้องจ่ายเงิน 5 บาทเหมือนตอนขามา เพียงแค่ยื่นผ่านสปอร์ตให้แล้วรอรับบัตรได้เลย ไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่จะมีค่าใช้จ่ายซื้อตั๋วเข้าเมืองไทยเพิ่มเติมคนละ 4,000 กีบ (16 บาท)
จากด่านหนองคายจะมีรถตู้ให้บริการพาเข้าไปในตัวเมืองอุดรธานีหรือสถานีขนส่งอุดรธานีอีกคนละ 200 บาท ซึ่งคนขับรถจะจอดตามสถานที่ที่ผู้โดยสารแต่ละคนต้องการจะไปเช่น สถานีขนส่ง, สนามบิน, เซ็นทรัลอุดร เป็นต้น
10. อุดรธานี-กรุงเทพฯ
คุณสามารถหาตั๋วราคาถูกที่สุดของ บขส. ปอ.2 ในสถานีขนส่งอุดรธานี ในราคา 350 บาท (ถูกกว่าขามา 30 บาท)แต่รถแวะทุกที่ ทุกจังหวัด ทุกอำเภอ จึงใช้เวลาเดินทางกว่า 9-10 ชั่วโมง (จากปกติ 7 ชั่วโมง)
สรุปค่าใช้จ่าย อุดรธานี-เวียงจันทน์-หลวงพระบาง-วังเวียง-กรุงเทพฯ 8 วัน 7 คืน
ค่าเดินทางทั้งหมด 2,765 บาท
ค่าที่พักทั้งหมด 3,040 บาท
ค่ากินและค่าเที่ยว 1,780 บาท
รวมทั้งสิ้น 7,585 บาท
สรุปค่าอยู่แต่ละเมือง (รวมค่าเดินทางย้ายเมือง)
เวียงจันทน์ 1,833 บาท
หลวงพระบาง 2,110 บาท
วังเวียง 2,816 บาท
และนี่ก็เป็นคู่มือการเที่ยว สปป. ลาว ที่เวียงจันทร์-หลวงพระบาง-วังเวียง ในแบบฉบับคู่มือเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเอาไว้เป็นแนวทางสำหรับท่านที่ต้องการไปเที่ยวกันนะคะ ลองไปกันดู ประเทศเพื่อนบ้านเราก็มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจเยอะไม่แพ้ในประเทศไทยเราเลยล่ะคะ