เมื่อวันที่ 22 พ.ค. นายวิสิฐ จะวะสิต ผู้อำนวยการสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า ขณะนี้พบว่ามีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงสูตรจากนมข้นหวาน นมข้นรสจืด ไปเป็นผลิตภัณฑ์ครีมเทียมที่ผสมแป้งน้ำมันปาล์ม และกลูโคสไซรับ ทดแทนการใส่นม ไขมันนม เพื่อลดต้นทุนการผลิต
ซึ่งแน่นอนว่าสามารถทำได้ เพราะทำให้คงรสชาติของอาหารและเครื่องดื่มได้ แต่ไม่ให้คุณค่าทางโภชนาการแล้ว ไม่มีโปรตีน ไม่มีแคลเซียมที่เคยได้รับจากผลิตภัณฑ์นมข้นในอดีต วันนี้เหมือนการรับประทานแป้งกับไขมันมากกว่า ทั้งนี้ ในน้ำมันปาล์มยังมีไขมันอิ่มตัวสูง การรับประทานผลิตภัณฑ์ครีมเทียมที่มีน้ำมันปาล์มมากๆ จะส่งผลให้คอเรสเตอรอลในร่างกายสูงขึ้นได้ ซึ่งในครีมเทียม 1 ซองปริมาณ 3 กรัม เป็นไขมันอิ่มตัวถึง 1 กรัม
ถ้าเป็นเครื่องดื่มชนิดชงที่ต้องตวงส่วนผสมเอง จะยิ่งมีการใส่ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มากขึ้น “ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ในปัจจุบันเราจะเห็นว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะไม่ใช้คำว่านมอีกแล้ว แต่จะใช้คำว่าครีมเทียม ครีมเทียมพร่องมันเนย ครีมเทียมข้นหวาน ซึ่งผู้บริโภคยังคิดว่าผลิตจากนมปกติ แต่เมื่อดูที่ส่วนประกอบแล้วจะพบว่ามีนมเป็นส่วนประกอบหรือมีน้อยมาก และถูกทดแทนด้วยแป้ง และน้ำมันปาล์ม ถือเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค”
นายวิสิฐ กล่าว ผอ.สถาบันโภชนาการ กล่าวว่า ดังนั้นประชาชนต้องเลือก ถ้าคิดว่าใส่ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ลงไปในอาหารและเครื่องดื่มเพื่อทำให้รสชาติดีแล้ว ต้องตระหนักเสมอว่าจะไม่ได้รับคุณค่าทางโภชนาการแล้ว จึงไม่ควรบริโภคผลิตภัณฑ์เหล่านี้มากเกินไป เพราะไขมันอิ่มตัวซึ่งมีผลทำให้ระดับคอเรสเตอรอลในร่างกายสูง
โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ หรือหากเป็นไปได้ การรับประทานชา กาแฟ ขอแนะนำให้ใส่นมสดดีกว่าเพราะอย่างน้อยยังได้รับแคลเซียม และโปรตีนบ้าง ถ้าคนที่ต้องระวังเรื่องสุขภาพ อาจจะเติมนมพร่องมันเนย นมขาดมันเนยเข้าไปก็ได้ ส่วนอาหารคาวก็ให้หันมาใส่กะทิ เพราะขณะนี้นักวิชาการโภชนาการทั่วโลกรับรองว่าไขมันจากกะทิ ถือเป็นไขมันที่ร่างกายสามารถดึงมาใช้ได้ทันที ไม่สะสมในร่างกาย จึงถือว่ามีประโยชน์มากกว่า