จากภาพที่คุณเห็น หนุ่มหล่อหุ่นดี หลายคนคงยังไม่ทราบว่าหนุ่มคนนี้เคยอ้วนกว่าร้อยกิโลมาก่อน ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นคนที่หุ่นดี ที่ใครๆก็ต้องอยากมีหุ่นเหมือนเค้ากันบ้างล่ะ แต่ก่อนหน้าที่เค้าจะมาถึงปัจจุบัน ก็ได้เผยเรื่องราว “เคยอ้วน กับการลดน้ำหนักมาก่อน” ซึ่งก็น่าจะเป็นประโยชน์และกำลังใจให้กับหลายๆคนได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
ขอแนะนำตัวก่อนล่ะกันครับ ผมชื่อ เก่ง ครับ ผมหนักขึ้นๆ ลงระหว่าง 120 – 125 กก. (ส่วนสูง 176 ซม.)
ผมเป็นมนุษย์ที่กินไม่บันยะบันยัง ตระเวนกินมันทั่วสารพัดจานคาวหวาน …ทีนี้มาอ่านเรื่องราวคร่าวๆ ของผมกันดีกว่า
” คุณเคยไหมครับ ที่ต้องอยู่ในสภาพที่ถูกล้อเลียน ดูถูก ดูหมิ่น จากคำพูดหรือสายตาคนรอบๆ ข้าง… แล้วคุณเคยไหมครับที่จากกำลังกินอาหารอยู่ดีๆ แต่เกิดอาการหน้ามืดและใจสั่น… คุณเคยไหมครับที่มหาลัยเกือบไม่ให้ผ่านการสอบสัมภาษณ์ตอนรับเด็กใหม่เพียงเพราะน้ำหนักที่เกินและท้าทายว่าถ้าคุณลดได้ภายในเวลาที่กำหนดผมจะเซ็นต์รับคุณ… แล้วคุณเคยไหมครับเวลาที่จะเดินไปไหนมาไหนก็ต้องทนปวดบริเวณข้อขาอยู่ตลอด เวลาเดินขึ้นบันไดจะได้ยินเสียงกระดูกลั่นเกือบตลอด… และที่สุดๆ กว่านั้นคือคุณเคยไหมล่ะครับที่พ่อ/แม่ของคุณโดนคนอื่นๆ ว่าเลี้ยงลูกตามใจปาก/เลี้ยงลูกได้ไม่ดีไม่เคยสอนให้รู้จักการกินที่ดีหรือไง “
…นั่นแหล่ะครับคือจุดที่ผมคิดได้ว่า ผมต้องลดน้ำหนักและเริ่มค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับการลดน้ำหนักอย่างจริงจัง
ผมมีเพื่อนสนิทที่บอกได้ว่าเป็นกลุ่มที่มีรูปร่างที่ดี แล้วเวลาไปไหนมาไหนด้วยกันคนอื่นๆ นอกจากกลุ่มเพื่อนสนิทผม มักจะเรียกผมว่า ” ไอ้อ้วน ” …และด้วยความที่ผมชอบทำอะไรที่เป็นการเอ็นเตอร์เทนเพื่อนๆ จึงทำให้ผมจะถูกเรียกออกมาทำกิจกรรมให้กับโรงเรียนเป็นประจำ และก็จะถูกขำเป็นประจำเพราะจากลักษณะที่คล้ายโอ่งมังกรเคลื่อนที่พยายามเต้น… ผมมักได้แต่วาดฝันว่าวันหนึ่งจะต้องผอม จะต้องดูดีกว่าคนที่เคยหัวเราะเยาะเราให้ได้ แต่แล้วไงล่ะ ในเมื่อความอ้วนนั้นผมสะสมมาตั้งแต่ 6 ขวบ จนถึง 17 ปี คงลดยากแน่ๆ …
แต่คุณรู้ไหมครับว่าผมใช้เวลาเท่าไหร่ในการลดน้ำหนัก ผมใช้เวลาเพียง 5 เดือนครับ ขอย้ำว่า 5 เดือน จากน้ำหนัก 125 กก. เหลือแค่ 65 กก. เท่ากับว่าผมลดลงไป ราวๆ 60 กก. ภายใน 5 เดือน …นั่นมันหายไปครึ่งตัวจากทั้งชีวิตที่มีมาเลยนะ !! และยิ่งกว่านั้นคือผมไม่เคยเข้าพบแพทย์ ไม่เคยต้องหายาลดความอ้วนมากิน ไม่เคยใช้ตัวช่วยสร้างทางลัด
อ้อ… เคยมีคนถามเยอะครับว่าผมลดได้ยังไง ขอตอบแบบง่ายๆ นะครับ เชื่อว่าทุกคนทำตามได้
– เปลี่ยนนิสัยการกินอาหาร ควรรู้ว่าอะไรที่กินแล้วเกิดประโยชน์ อะไรกินแล้วให้โทษ กินอะไรที่มันดีต่อสุขภาพ
– หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ อย่างน้อย 30 นาที / วัน ก็ยังดีครับ
– อย่าตามใจปากตัวเอง ถ้าหิวก็ค่อยกินครับกินแค่พออยู่ท้อง ไม่ใช่เห็นอะไรน่ากินก็กินมันซะหมด
– อย่างดอาหารมื้อเช้า / ดื่มน้ำเปล่าให้เยอะๆ / ลดอาหารจำพวกแป้งลง / ลดขนมของหวานของจุกจิกซะ นานๆทีค่อยให้รางวัลกับตัวเองนิดนึง / อย่าลืมทานผักเยอะๆครับ / หลีกเลี่ยงอาหารมันๆ
– สร้างวินัยให้กับตัวเอง และตั้งเป้าหมายสุขภาพที่ชัดเจนที่สุดครับ
หลังจากที่ลดน้ำหนักแล้วอะไรที่เปลี่ยนไป ? …มั่นใจในตัวเองมากขึ้นครับ คล่องตัว หาเสื้อผ้าใส่ง่าย ประหยัดเงินค่าอาหาร ได้ลบคำสบประมาท สุขภาพดีขึ้น รูปร่างดีขึ้น
” ถ้าคุณไม่ดูแลสุขภาพด้วยตัวเองก่อน แล้วจะมีใครที่ไหนจะมาช่วยดูแลคุณ ” คุณอย่าลืมสิครับว่าโรคภัย และเชื้อโรคต่างๆ มันพัฒนากันอยู่ตลอดเวลา ไหนจะสภาพอากาศที่เอาแน่เอานอนไม่ได้อีก… ” ถ้ารู้แบบนั้นแล้วทำไมไม่เตรียมความพร้อมให้กับร่างกายตัวเองล่ะครับ ? ” หรือคุณจะต้องรอให้ป่วยก่อน ? หรือคุณจะต้องรอให้สังคมรอบข้างดูถูกคุณก่อน ? หรือคุณจะต้องรอเวลาที่ร่างกายย่ำแย่สุขภาพทรุดจนต้องตายไปก่อนใครอีกหลายๆ คนที่มีค่ากับชีวิตคุณและคุณควรจะอยู่เพื่อดูแล ?
ดังนั้นขอให้เปลี่ยนทัศนคติครับ หันมาดูแลสุขภาพกันให้มากขึ้น ระวังเรื่องอาหารการกินให้มากขึ้น อย่าตามใจปากครับ …อย่ามาอ้างว่ามีความสุขที่ได้กิน ได้เที่ยวเล่น ได้ดื่ม ได้สังสรรค์ ก็เลยทำมันไปเรื่อยๆ ไม่หัดวางลิมิตให้ตัวเอง…
จำคำนี้เลยครับ ”อย่ามีความสุข บนความทุกข์ของร่างกายตัวเอง “
ขอขอบคุณเรื่องราวจากคุณเก่ง
ขอบคุณภาพจาก facebook/Geng Nutthapun Permsill